อุบลราชธานี “มหานครแห่ง โคก หนอง นา”
แม้ว่าประเทศไทยจะอยู่ในดินแดนสุวรรณภูมิ มีทั้งดิน น้ำ และอากาศที่เหมาะสมต่อการทำเกษตรกรรม จนกลายเป็นครัวของโลก แต่ปัญหาดิน และน้ำกลับเป็นสิ่งที่สร้างความทุกข์ให้แก่เกษตรกรอย่างมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเมื่อฤดูแล้งมาเยือนพื้นดินหลายแห่งไม่มีน้ำเพียงพอต่อการเพาะปลูกและส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิต
ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมอบหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ไว้ให้ปวงชนชาวไทย กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย นำโดย นายสมคิด จันทมฤก อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ได้น้อมนำพระราชดำริของพระองค์ท่าน มาต่อยอดและส่งเสริมแก่ประชาชนในทุกพื้นที่ ผ่านโครงการ “โคก หนอง นา โมเดล” เป็นการผสมผสานหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ให้เข้ากับภูมิปัญญาพื้นบ้าน จนประสบความสำเร็จและมีผลผลิตหลากหลาย สร้างรายได้และอาชีพให้กับครัวเรือน รวมถึงช่วยเหลือ แบ่งปันและเป็นต้นแบบให้กับครัวเรือนและชุมชนได้เข้ามาศึกษาหลักกสิกรรมธรรมชาติ นำไปประยุกต์และปรับใช้ให้เข้ากับครัวเรือนของตนเอง
“โคก หนอง นา โมเดล” ทุกแปลง มีการบริหารจัดการน้ำและพื้นที่อย่างเป็นระบบ ทำให้ครัวเรือนเจ้าของแปลงมีความมั่นคงทางอาหารตลอดปี จากการปลูกพืชผักสวนครัวปลอดสารพิษ การเลี้ยงปลาหลากหลายชนิด ทั้งในหนองและคลองไส้ไก่ เพื่อบริโภคภายในครัวเรือน เมื่อเหลือจึงได้มีการจำหน่าย นอกจากจะช่วยลดรายจ่ายในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) แล้วยังช่วยสร้างรายได้แก่ครัวเรือนอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีการแบ่งพื้นที่ปลูกไม้ดอก ไม้ประดับอีกหลายชนิด ถือเป็นการปรับภูมิทัศน์ในพื้นที่ให้เกิดความสวยงามเหมาะสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจได้เป็นอย่างดี
โครงการพัฒนาพื้ที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” ดำเนินการในพื้นที่ 73 จังหวัด 575 อำเภอ 3,264 ตำบล 25,179 แปลง โดยจังหวัดอุบลราชธานี มีแปลงที่เข้าร่วมโครงการ “โคก หนอง นา โมเดล” มากที่สุด ในประเทศไทย เป็นจำนวนทั้งสิ้น 4,044 แปลง แบ่งเป็น HLM 3,973 แปลง และ CLM 71 แปลง จนได้รับการขนานนามว่า “มหานครแห่ง โคก หนอง นา”
นายแก้วกล้า บัวศรี เจ้าของแปลง ฮักแพง ฮ่องย่า นาหนองไผ่ บ้านโคกสว่าง หมู่ที่ 2 ตำบลโนนกุง อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี กล่าวด้วยความสุข ภาคภูมิใจและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ ว่า ตนได้ศึกษา พัฒนา ต่อยอดงาน “โคก หนอง นา โมเดล” ในพื้นที่แปลงแห่งนี้ ซึ่งมีอะไรมากมายที่จะทำให้ตนได้เรียนรู้ จากที่แต่ก่อนหมดฤดูทำนาเกษตรเชิงเดี่ยวพื้นที่จะแห้งแล้งมาก แต่พอมาวันนี้ได้รับโอกาสดี ๆ สู่เกษตรผสมผสานตามหลักทฤษฎีใหม่ อะไร ๆ ก็เริ่มดีขึ้นตามลำดับ มีแหล่งน้ำ มีต้นไม้นานาชนิด ความสุข ความผ่อนคลาย ความสบายใจ เริ่มมีรอยยิ้ม ได้ทำงาน ได้ออกกำลังกายด้วย ขอขอบคุณส่วนราชการที่ได้ร่วมพัฒนาพื้นที่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา โดยมีทั้งคณะสงฆ์ ส่วนราชการ กำนันผู้ใหญ่บ้าน และพี่น้องในชุมชนร่วมกิจกรรมและที่ขาดไม่ได้หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 52 กองบัญชาการกองทัพไทย และกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ที่มอบโอกาสดี ๆ ให้เกษตรกรตัวน้อย ๆ คนนี้ ทำให้ปัจจุบันมีสินค้า เกษตรปลอดสารเข้าสู่ชุมชนทุกวัน ถึงแม้จะไม่มากแต่ก็มีจำหน่ายเรื่อย ๆ และพื้นที่แห่งนี้ยังเปิดรับทุกท่านให้เข้ามาศึกษาเรียนรู้หลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียง หรือพักผ่อนหย่อนใจสร้างความสุขกายสบายใจให้กับผู้ที่แวะมาเยี่ยมชมได้เป็นอย่างดี
นายพงศ์พร พุ่มจันทร์ เจ้าของแปลง CLM ตำบลนาจะหลวย อำเภอนาจะหลวย จังหวัดอุบลราชธานี ได้เปิดเผยว่า มีความสุขและความภาคภูมิใจอย่างยิ่งในการเป็นส่วนหนึ่งที่มีโอกาสได้เข้าร่วมโครงการฯ และดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยเฉพาะผลผลิตที่สามารถบริโภคและสามารถสร้างรายได้ให้แก่ครัวเรือนในปัจจุบัน อนาคตต่อไปจะมุ่งดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 และหลักกสิกรรมธรรมชาติ ที่ว่า “พอกิน พอใช้ พออยู่ พอร่มเย็น” หรือเศรษฐกิจพอเพียงขั้นพื้นฐาน ที่ตนได้รับการฝึกอบรมมา ขอกราบขอบพระคุณ พระพิพัฒน์วชิโรภาส และพระปัญญาวชิรโมลี ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย หน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย จังหวัด อำเภอ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน ผู้นำชุมชนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ที่เมตตาและให้การสนับสนุนจนสามารถนำพาความความมั่นคงทางอาหารและความอุดมสมบูรณ์ และเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับพี่น้องประชาชนในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
มหานคร โคก หนอง นา แห่งนี้เป็นตัวอย่างความสำเร็จที่สะท้อนชัดว่า “ศาสตร์พระราชาสามารถปฏิบัติได้จริง” โดยกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย มุ่งมั่น สืบสาน รักษา และต่อยอดพระราชปณิธาน เพื่อสร้างสรรค์ชุมชน สร้างคน สร้างชาติ อย่างยั่งยืนสืบไป