วัชระร้องนายกฯหยุดไล่หาบเร่แผงลอยทันที ก่อนที่พ่อค้า-แม่ค้าจะอดตายเพราะภัยโควิด-19 แนะเขียนจม.ถึงมหาเศรษฐีได้ ก็ควรเขียนถึงคนจนบ้าง
(5 พ.ค.63)ที่ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.ประชาธิปัตย์ เข้ายื่นหนังสือถึงพลประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ขอให้ยกเลิกนโยบายขับไล่หาบเร่แผงลอยในจุดผ่อนผันที่กรุงเทพมหานครอนุญาตให้ถูกต้องตามกฎหมาย คืนสิทธิหาบเร่แผงลอยในจุดผ่อนผัน และเร่งจ่ายเงินเยียวยาให้โควิด-19 รายละ 5,000 บาท ให้หาบเร่แผงลอยและคนจนโดยด่วนที่สุด โดยนายวัชระให้เหตุผลว่าการที่กทม.ได้ขับไล่หาบเร่แผงลอยโดยอ้างว่าเป็นนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งมีพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวหน้าสั่งการให้ดำเนินการนั้น ทางพลตำรวจเอก อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม.เคยบอกกับตนว่า คสช. สั่งให้ขับไล่หาบเร่แผงลอยเพียงในเขตพื้นที่ไข่แดง (เกาะรัตนโกสินทร์) ของกรุงเทพมหานครเท่านั้น แต่ประธานที่ปรึกษาผู้ว่ากทม.กลับมาเพิ่มขยายไปยังพื้นที่ไข่ขาวทั่วทั้ง 50 เขตของกทม.สร้างความเดือดร้อนให้พี่น้องหาบเร่แผงลอยคนไทยคนจนนับหมื่นครอบครัวที่หาเช้ากินค่ำไม่มีสถานที่ค้าขาย ครอบครัวประสบปัญหาเศรษฐกิจอย่างหนัก บ้านแตกสาแหรกขาด
เมื่อกทม.ขับไล่หาบเร่แผงลอยในจุดที่เคยติดตั้งป้ายผ่อนผันให้ค้าขายได้ตั้งแต่สมัย พลตรี จำลอง ศรีเมือง เป็นผู้ว่าฯกทม. แต่ผู้บริหาร กทม. ก็ไม่ได้จัดสถานที่รองรับอย่างทั่วถึง แก้ไขปัญหาไม่ได้ มีหาบเร่แผงลอยต่างชาติคือ เวียดนาม กัมพูชา ลาวมาขายแทนคนไทย ยิ่งปัจจุบันมีโรคโควิด-19 แพร่ระบาดทำให้คนยากจนเหล่านี้ต้องประสบความยากลำบากเป็นทวีคูณ เงินเยียวยา 5,000 บาท ผู้ค้าหาบเร่แผงลอยและคนยากจนส่วนมากยังไม่ได้รับ เพราะเข้าไม่ถึงระบบ IT ของรัฐบาล สำนักงานเขตคลองเตย กรุงเทพมหานครยังอาศัยการประกาศเคอร์ฟิวส์ของรัฐบาลไปไล่รื้อหาบเร่แผงลอยที่ตลาดลาว คลองเตย ในเวลา 23.00 น.ของคืนวันที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมา เป็นที่น่าอดสูใจยิ่งนัก ดังนั้น เพื่อความสมานฉันท์และแสดงให้เห็นถึงความจริงใจในการบริหารประเทศและดูแลประชาชนทุกหมู่เหล่า เราไม่ทอดทิ้งกัน ตามที่พลเอกประยุทธ์ฯ เคยประกาศไว้
จึงขอเสนอให้ยุติการขับไล่หาบเร่แผงลอยตามคำสั่ง คสช. เพราะ คสช. สิ้นสภาพไปแล้วและเร่งจ่ายเงินเยียวยาโรคโควิด-19 รายละ 5,000 บาท ให้หาบเร่แผงลอยและคนจนโดยเร็วที่สุด ให้สอบสวนข้อเท็จจริงว่า การที่พลตำรวจเอก อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่า กทม. อ้างว่า คสช. สั่งให้ขับไล่หาบเร่แผงลอยเฉพาะในพื้นที่ไข่แดงแล้วเหตุใด กทม. จึงมีการขยายขับไล่หาบเร่แผงลอยไปทั่วทั้ง 50 เขต สร้างความเดือดร้อนให้หาบแร่แผงลอยเกินกว่าเหตุ พิสูจน์ชัดจากการแก้ไขปัญหาที่ผ่านมา 5 ปี ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง นอกจากนี้ให้คืนจุดผ่อนผันหาบเร่แผงลอยที่กทม.เคยผ่อนผันถูกต้องตามกฎหมาย ตั้งแต่สมัยพลตรี จำลอง ศรีเมือง และนายสมัคร สุนทรเวช เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจรากหญ้าให้คืนชีพ มีการจ่ายเงินภาษีหาบเร่แผงลอยให้รัฐตามเดิม ขจัดส่วนนอกระบบทุกรูปแบบและไม่เกะกะกีดขวางทางจราจร หรือให้ผ่อนผันหาบเร่แผงลอยทุกจุดเช่นเดียวกับที่ถนนข้าวสารตามประกาศของนายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่า กทม. ทุกจุดอย่างเท่าเทียมกัน เพราะคือคนเหมือนกัน ย่อมเท่าเทียมกัน อย่าให้มีการครหาว่าที่มีการผ่อนผัน เพราะแลกเปลี่ยนหรือหยิบยื่นหรือได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน มีการผ่อนผันที่ฟุตบาทถนนข้าวสารได้ก็ต้องผ่อนผันได้ทุกเขต ให้สั่งการให้ระงับการปรับปรุงทางเท้า (ฟุตบาท) ของเขตต่าง ๆ ทุกเขตในกทม.เพราะเป็นช่องทางการทุจริตการก่อสร้างทางเท้าที่ยังคงสภาพดี แต่ทุบทิ้งเพื่อตั้งงบประมาณในราคาแพง นำงบทางเท้าปีละกว่า 200 ล้านบาทมาแก้ไขโรคโควิด-19 แทน
และสุดท้าย เมื่อนายกรัฐมนตรีเขียนจดหมายถึงอภิมหาเศรษฐีเมืองไทยได้ เพื่อความสามัคคี ขอแนะนำให้เขียนจดหมายถึงผู้ค้าหาบเร่แผงลอยและคนจนทั้งแผ่นดิน 1 ฉบับ เพื่อให้เห็นว่ามีความห่วงใยพี่น้องคนจนอย่างแท้จริง ไม่ได้เขียนจดหมายถึงเฉพาะเจ้าสัวนายทุนเท่านั้น