100ปีพรรคคอมมิวนิสต์จีน และ46ปีไทย-จีน

100ปีพรรคคอมมิวนิสต์จีน และ46ปีไทย-จีน

 วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 ตรงกับวันครบรอบ “100 ปีแห่งการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีนและ 46 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน” ศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์ไทย-จีน  ศูนย์วิจัยหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางไย-จีน  สมาคมการค้าการลงทุนเส้นทางสายไหมไทย-จีน สมาคมส่งเสริมวิสาหกิจเอเชียน-จีน สมาคมมิตรภาพไทย-จีน คณะวิทยพัฒน์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย หนังสือพิมพ์บางกอกทูเดย์ และ The Leader Asia ร่วมจัดสัมมนาหัวข้อ “100 ปีพรรคคอมมิวนิสต์จีน และ 46 ปีความสัมพันธ์ไทย-จีน”

         วิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิในงานสัมมนา ประกอบด้วยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีไทย นายหยาง ซิน อุปทูตรักษาราชการแทนเอกอัครราชทูต สาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย  นายกร ทัพพะรังสี อดีตรองนายกรัฐมนตรี และนายกสมาคมมิตรภาพไทยจีน นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  พล..สุรสิทธิ์ ถนัดทาง ประธานศูนย์วิจัยหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางสายไทยจีน  สำนักงานวิจัยแห่งชาติ ดร.ธารากร วุฒิสถิรกูล นายกสมาคมการค้าการลงทุนเส้นทางสายไหมไทยจีน และนายชัยวัฒน์ วนิชวัฒนะ อดีตนายกสมาคมผู้สื่อข่าวไทยจีน

         นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “75 ปีพรรคการเมืองไทยท่ามกลางพลวัตเศรษฐกิจการเมืองโลก” โดยมีเนื้อหาสรุปคือ 100 ปีของการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีนถือว่ายาวนานมาก หากทบทวนประวัติศาสตร์ โลกใบนี้นับตั้งแต่ผ่านสงครามโลก ผ่านวิกฤตเศรษฐกิจ และโรคระบาด ท่ามกลางปัญหาต่างๆจนผ่านมาถึงวันนี้ โลก มีการพัฒนาการไปมาก และ 100 ปี ของการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์ของจีน อาจกล่าวว่าเป็นความสำเร็จ เป็นแบบอย่างที่มั่นคงซึ่งไม่มีพรรคการเมืองประเทศไหนเดินตามรอยได้

         ที่สำคัญ 100 ปีแห่งความสำเร็จของพรรคคอมมิวนิสต์จีนผ่านเรื่องราวที่โลกจะต้องจดจำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความขัดแย้ง ความยากจน และไม่นานจีนจะยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ขณะเดียวกันบทบาทของจีนต่อโลกใบนี้กำลังถูกจับตามองจากเวทีโลกว่ามีศักยภาพในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว  นั่นคือความสำเร็จที่น่าชื่นชมในวันนี้และอนาคต

         นายอภิสิทธิ์ ได้แสดงความคิดเห็นถึง ประเด็นหัวข้อ 75 ปีพรรคการเมืองไทยว่า พรรคการเมืองไทยมีจำนวนมาก มีเกิดใหม่ มีล้มเลิกไป เพราะสังคมไทยมีการวิจารณ์ที่รุนแรง แต่บทบาทการเมืองไทยก็มีไม่น้อยเลยในการพัฒนาประเทศ ที่สำคัญการมีระบบตัวแทนประชาชนยิ่ง หลังการปกครอง พ.. 2475 นักการเมืองมีบทบาทสำคัญยิ่ง ยุคนั้นพรรคประชาธิปัตย์ก็มีการถ่วงดุลในฐานะเป็นฝ่ายค้าน

         ต่อมาในยุคของ ท่านพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ พรรคการเมืองก็มีเสถียรภาพในการพัฒนาประเทศมาก โดยนำเอาปัญหาของประชาชนในการคลี่คลายปัญหา มีนโยบายหลายเรื่องที่แก้ปัญหาและพัฒนาสู่เป้าหมายที่ตั้งที่ไว้หลายเรื่องจนสำเร็จในช่วงสั้นๆ

        นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หากมองอนาคตของพรรคการเมืองในอีก 100 ปีจะเป็นช่วงท้าทายมากไม่ว่าจะเป็นการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ จะเผชิญความท้าทายอีกมากมาย ดังนั้นโครงสร้างของพรรคการเมืองไม่ว่าจะเป็นระบบไหนก็แล้วแต่จึงต้องมองทุกมิติ เพราะปัจจุบันมีการแก้ไขปัญหาแบบไร้พรมแดน ที่มุ่งการพัฒนาให้ประเทศเจริญก้าวหน้าด้วยกันทั้งนั้น ไม่แตกต่าง

        หลังจากนั้น นายหยาง ซิน อุปทูตรักษาราชการแทนเอกอัครราชทูต สาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย  ได้ขึ้นกล่าวปาฐกถาหัวข้อ “100 ปีแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีนและแผนการพัฒนาจีนตามแนวคิดประธานาธิบดีสี จิ้นผิง” โดยมีเนื้อหาพอสรุปประเด็นสำคัญ กล่าวคือ พรรคคอมมิวนิสต์เริ่มต้นก่อตั้งพรรค มีสมาชิกเพียง 50 คน วันนี้มีสมาชิกมากถึง 90 ล้านคน และมีภาคีเครือข่าย 464,000 องค์กร ซึ่งถือเป็นพรรคการเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน พรรคคอมมิวนิสต์จีนสามารถพัฒนาประเทศ พัฒนาเศรษฐกิจให้เติบโตจนก้าวขึ้นอันดับ 2 ของโลกรองจากประเทศสหรัฐอเมริกา  

         ัจจุบัน ประเทศจีนมีการค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีการสำรองเงินตรามากสุดในโลก มีเทคโนโลยี ไฮเทค มากที่สุดในโลก มีรถไฟความเร็วสูงรวมระยะทางยาวที่สุดในโลก มีสถานีอวกาศที่ขึ้นไปแล้ว และความสำเร็จที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนทำให้ประเทศจีนเจริญรุ่งเรื่องมาตั้งแต่ ปี ค..2012-2020 โดยเป้าหมายสำคัญคือการแก้ไขปัญหาความยากจน ส่งผลให้คนจีน 98 ล้านคนหลุดพ้นจากความยากจน อีก 950 ล้านคนกำลังจะพ้นจากความยากจน และอำเภอยากจน 832 แห่งหลุดพ้นจากความยากจนทั้งหมด พร้อมกับขจัดความยากจนเชิงสมบูรณ์และความยากจนแบบเชื่อมติดเป็นผืนรวมในระดับภูมิภาค โดยมีเป้าหมายสร้างสังคม กินดี อยู่ดี ถ้วนหน้าพร้อมๆไปกับสร้างสังคมนิยมสมัยใหม่

         อย่างไรก็ตาม ในศตวรรษที่ 2 (ปี ค.. 2020-2035) ภายใต้การนำของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะสร้างประเทศให้ทันสมัยให้เข้มแข็ง ที่สำคัญพรรคคอมมิวนิสต์จีนจะเป็นพรรคเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของโลก สร้างนโยบายการต่างประเทศที่เป็นสันติภาพ

          ุปทูตจีนกล่าวว่าอีก 100 ปีแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีน กับแนวคิดการพัฒนาใหม่ ประกอบด้วย 1.นวัตกรรม สมดุล เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การเปิดกว้างและการแบ่งปัน  2.เน้นการพัฒนาที่มีคุณภาพสูง 3.สร้างประเทศให้มีความเข้มแข็งด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

          ่วนรูปแบบการพัฒนาใหม่คือ อาศัยการหมุนเวียนภายในประเทศเป็นแกนหลักและการหมุนเวียนภายในและภายนอกประเทศเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน ขณะเดียวกันยังมีเป้าหมายเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของโลก โดยเป็นผู้สร้างสันติภาพของโลก ผู้สนับสนุนการพัฒนาของโลก และผู้พิทักษ์ระเบียบระหว่างประเทศ

         นายหยาง ซิน กล่าวว่าความสัมพันธ์ของประเทศไทยและประเทศจีน วันนี้ครบรอบ 46 ปีอย่างเป็นทางการแล้ว รู้สึกยินดียิ่ง ที่ผ่านมาไม่ว่าการเชื่อมสัมพันธ์ทางจิตใจ การค้า การลงทุน ในบริบทด้านเศรษฐกิจ ทั้งไทยและจีนแนบแน่นด้วยดีมาโดยตลอด โดยเฉพาะในภาคเศรษฐกิจ ปี 2563 มูลค่าการค้าจีนไทย 98,630 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 7.5% คำขอรับการส่งเสริมลงทุนจากจีนมีจำนวน 164 โครงการเงินลงทุน 31,500 ล้านบาท จีนเป็นคู่ค้าใหญ่ที่สุดของไทย และไทยเป็นคู่ค้าใหญ่อันดับที่ 3 ของจีนในอาเซียน  ที่สำคัญจีนยินดีที่จะร่วมพัฒนาด้านการลงทุนกับประเทศไทยเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการร่วมลงทุนกับไทยในโครงการ EEC

        ต่อจากนั้นเป็นช่วงของการสัมมนาหัวข้อ 46ปีความร่วมมือไทยจีนกับแนวคิดประชาคมแห่งผลประโยชน์ร่วม วิทยากรประกอบ ด้วย นายกร ทัพพะรังสี นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ พล..สุรสิทธิ์ ถนัดทาง ดร.ธารากร วุฒิสถิรกูล ดำเนินรายการโดยนายชัยวัฒน์ วนิชวัฒนะ โดยสรุปประเด็นคือไทยและจีนเปรียบเหมือนเป็นพี่น้องกัน ความสัมพันธ์แนบแน่นตลอดเวลา และหากประเทศไทยจะพัฒนาเศรษฐกิจให้ดีขึ้ต้องไม่ลืมเศรษฐกิจสีเขียที่กำลังเป็นที่สนใจของนักลงทุนโลกและนักลงทุนจากประเทศจีน

        อย่างไรก็ตามในบางเรื่องที่จีนประสบความสำเร็จที่ภาพเห็นชัด นั่นคือ “การระเบิดจากภายใน ไม่ว่าจะเป็นภาคการเมือง วัฒนธรรม เศรษฐกิจ และอื่นๆ ทุกกระดานเศรษฐกิจจีนทำสำเร็จมาแล้ว อีกทั้งหากเศรษฐกิจไทยจะพัฒนาและผลักดันให้เศรษฐกิจในประเทศไทยดีขึ้น ต้องใช้วงเงินสูงถึง 5 แสนล้านบาท ถึงจะดึงให้ GDP ขยับขึ้นมาได้ นอกจากจีนแล้ว ไม่มีประเทศไหนทำได้ในเวลานี้  ควรมองจีนให้เป็นโอกาส

         นายกรกล่าวถึงความร่วมมือในอนาคตระหว่างไทยจีน หลังสถานการณ์โควิด -19 และความสำคัญของการค้าการลงทุนระหว่างประเทศไทย-จีนว่า  หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด -19 ควรจะเน้นไปในสามด้าน คือ 1.เรื่องของการท่องเที่ยวที่ไทยมีความพร้อมอยู่แล้วและมีศักยภาพในด้านต่างๆ 2.การนำเม็ดเงินจากต่างประเทศเข้ามาฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทยนั้น จีนอยู่ในลำดับต้นๆ ซึ่งนักท่องเที่ยวจีนก็พร้อมที่กลับเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย และ3.ทิศทางของการส่งเสริมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวจะเน้นไปที่เรื่องของการส่งเสริมสุขภาพและสาธารณสุข

You may have missed