วัชระฯชี้ สิระฯ แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ที่นำผู้ต้องหาในคดีฮั้วประมูลพบ พนง.สอบสวน สภ.อ. เมืองสงขลา
(6 ม.ค. 2564) นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.และประธานคณะกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาฯ ที่นำนายอิทธิพล ดวงเดือน กรรมการบริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด ผู้ต้องหาในคดีฮั้วการประมูลและใช้เอกสารปลอมในการประมูลรถซ่อมบำรุงทางกับอบจ.สงขลา ไปพบผกก.สภ.อ.เมืองสงขลา เพื่อขอเปลี่ยนชุดพนักงานสอบสวนในระหว่างการทำสำนวนคดีว่า การที่นายสิระ อ้างว่าได้รับการร้องเรียนจากนายอิทธิพลนั้น ตนเข้าใจว่านายสิระไฟแรงเพราะเป็นส.ส.สมัยแรก แต่ต้องเข้าใจว่าคดีนี้อยู่ในชั้นพนักงานสอบสวนและมีเรื่องที่ถูก ป.ป.ช. สอบสวนในความผิดเรื่องที่เกี่ยวข้อง นายสิระจึงต้องคำนึงว่า จะเป็นการก้าวก่ายแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมและองค์กรอิสระหรือไม่ รวมทั้งผิดประมวลจริยธรรม และรัฐธรรมนูญด้วยหรือไม่ การไปถึงที่สภ.อ.เมืองสงขลา เพื่อขอเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนในวันที่ 4 ม.ค.64 ด้วยตนเองจึงเป็นเสมือนดาบสองคม ที่อาจกลับไปบาดคอนายสิระเองก็ได้ เพราะไม่ใช่ส.ส.ธรรมดา แต่ได้เป็นถึงประธาน กมธ.กฎหมายฯ ถือว่าเป็นกรณีพิเศษจริงๆ พรรคอื่นๆต้องให้ส.ส. 3-4 สมัย ถึงจะเป็นประธานกมธ.ได้ นายสิระจึงต้องคำนึงถึงตำแหน่งที่สภาฯแต่งตั้ง หากถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือของนายทุนคนใดคนหนึ่งก็จะเสียคนได้
นายวัชระ ได้ตั้งข้อสังเกตไว้หลายประเด็นคือ 1.มีผู้ร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. ว่ามีการฮั้วประมูลงานการจัดซื้อจัดจ้างรถซ่อมบำรุงทางระหว่าง อบจ.สงขลา และ บ. พลวิศว์ เทค พลัส จก.แล้วเช่นกัน 2. ที่นายสิระอ้างว่าไปขอความเป็นธรรมและขอเปลี่ยนตัวเจ้าพนักงานสอบสวน ไม่ว่าจะใช้ตำแหน่งส.ส.หรือประธาน กมธ.จะถือว่าเป็นการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมของตำรวจหรือไม่ 3.ถ้าทุกเรื่องสามารถร้องขอเปลี่ยนแปลงได้ แม้เรื่องอยู่ในป.ป.ช.หรือในศาล ก็มีเรื่องที่จะร้องอีกมาก เพราะทราบว่ามีบางบริษัทได้ขายรถให้กับ อบจ.และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.)ต่างๆหลายแห่งมีปัญหาในลักษณะเดียวกัน ตนก็จะนำเรื่องเหล่านี้เข้ามาร้องต่อกรรมาธิการฯให้ร่วมสอบด้วยได้หรือไม่ ดังนั้น ถ้านายสิระสนใจเรื่องการทุจริต การฮั้ว การจัดซื้อรถซ่อมบำรุงทางเอนกประสงค์ของเอกชนที่ฉ้อฉลรัฐ ก็ควรเปิดโอกาสรับเรื่องร้องเรียนในกรณีของ อปท. อื่นๆด้วยเช่นกัน