“จุรินทร์” ลุยยุทธศาสตร์ข้าว ดึง “รัฐ-เอกชน – เกษตร” ร่วมถก สถานการณ์ -แนวทาง “การค้าข้าวไทย” ทั้งในและต่างประเทศ ชาวนาปลื้มข้าวราคาสูงสุดในรอบ 10 ปี วอนขอให้มี ”ประกันรายได้”ตลอดไป

วันเสาร์ที่ 18 เมษายน 2563 เวลา 10.00 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานร่วมหารือ หน่วยงานภาครัฐ เอกชน และเกษตรกร เพื่อติดตามสถานการณ์การค้าข้าว ทั้งในและต่างประเทศ ที่บริษัท พงษ์ลาภ จำกัด อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี พร้อมกันนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ยังได้เยี่ยมชม ขั้นตอนการบรรจุถุงข้าวสาร การเตรียมส่งมอบข้าวสารลงเรือ เพื่อส่งออกไปต่างประเทศ ด้วย

โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ ภายหลังการตรวจเยี่ยม และร่วมหารือ ว่า

วันนี้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เดินทางมาติดตามสถานการณ์ข้าวร่วมกัน โดยได้มีการหารือติดตามสถานการณ์ด้วยกัน ทั้งในส่วนของผู้แทนของเกษตรกร ผู้ปลูกข้าว โรงสี ผู้ประกอบการข้าวถุง และผู้ส่งออก ซึ่งได้รับรายงานจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ว่า ผลผลิตข้าวในฤดูการผลิตปี 62/ 63 จะมีปริมาณข้าวสารประมาณ 18 ล้านตัน หรือประมาณ 18.8 ล้านตัน และผู้ส่งออกได้มีการตั้งเป้าหมายว่าจะมีการส่งออกในปี 2563 นี้ประมาณ 7.5 ล้านตัน รวมทั้งได้ประเมินตัวเลขการบริโภคและการแปรรูปภายในประมาณ 8 ล้านตัน

สำหรับราคาข้าวเปลือกตัวเลขที่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวได้แจ้งให้ทราบว่าสำหรับราคาข้าวสดในช่วงนี้อยู่ที่ 9,500 บาทต่อตันสำหรับตัวเลขข้าวแห้งที่ความชื้นมาตรฐาน 15% อยู่ที่ราคา 10,200 บาทถึง 11,000 บาทต่อตัน ซึ่งถือเป็นราคาที่สูงสุดในรอบ 10 ปี ตรงกันกับตัวเลขที่เกษตรกรได้รายงาน สำหรับสถานการณ์ข้าวถุงขณะนี้ได้มีผู้ประกอบการข้าวถุงเข้าร่วมโครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชนซึ่งได้มีการปรับลดราคาข้าวถุงลงมาในช่วงราคา ตั้งแต่ 8% – 30.5%

สำหรับการส่งออกได้มีการดำเนินการร่วมกันระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับสมาคมผู้ส่งออกข้าวของประเทศไทยซึ่งสมาคมผู้ส่งออกได้ ตั้งเป้าหมายว่าจะส่งออกให้ได้ปีนี้ 7.5 ล้านตัน โดยได้สั่งการให้กรมการค้าต่างประเทศประสานงานกับผู้ส่งออกโดยใกล้ชิดให้มีการรายงานตัวเลขการส่งออกทุกวัน รวมทั้งให้มีการจัดทำแผนร่วมกันกับผู้ส่งออก เพื่อที่จะให้การส่งออกข้าวมีการกระจายตัวไปในแต่ละช่วงเวลา ไม่ให้ไปกระจุกตัวอยู่ในช่วงใดช่วงหนึ่ง เพราะหากเป็นเช่นนั้นจะส่งผลกระทบต่อราคาข้าวเปลือกในประเทศและกระทบต่อราคาข้าวสารสำหรับผู้บริโภคได้ ซึ่งผู้ส่งออกได้มีการจัดทำแผนร่วมกันในการที่จะให้การส่งออกข้าวแต่ละไตรมาสมีการกระจายตัว และกำหนดเป้าหมายไว้ชัดเจนว่าไตรมาสหนึ่งควรจะออกปริมาณเท่าใด ซึ่งสมาคมจะแจ้งให้ทราบ

นอกจากนั้นได้มีการกำหนดแผนงานร่วมกันระหว่างกระทรวงเกษตรฯ กระทรวงพาณิชย์ เกษตรกรฯ โรงสี และผู้ส่งออกข้าวที่ต้องการที่จะให้ประเทศไทยได้ผลิตข้าวในพันธุ์ที่เป็นความต้องการของตลาดโลกเพื่อการส่งออกโดยเฉพาะโดยใช้หลักของการตลาดนำการผลิตซึ่งได้มีการจัดทำแผนร่วมกันระหว่างกรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และเกษตรกร ผู้ผลิตข้าว โรงสี และสมาคมผู้ส่งออกข้าว

อย่างไรก็ตามสำหรับในส่วนของการตลาดนั้นกระทรวงพาณิชย์จะร่วมกับสมาคมผู้ส่งออกในการที่จะเดินหน้ารักษาตลาดข้าวเดิมที่มีอยู่ และการเปิดตลาดใหม่เพิ่มขึ้น รวมทั้งการฟื้นตลาดเก่าที่ได้เสียไป เช่น ตลาดอิรัก แต่เนื่องจากขณะนี้สถานการณ์ในอิรักยังไม่ปกติรวมทั้งสถานการณ์โควิดแทรกเข้ามาจึงทำให้แผนงานนี้ต้องหยุดชะงักไปชั่วคราวแต่เมื่อสถานการณ์เข้าสู่สภาวะปกติ กระทรวงพาณิชย์ก็จะร่วมกับสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยในการที่จะเดินหน้าตลาดข้าวไทยในตลาดโลกต่อไปอย่างเป็นรูปธรรม

นอกจากนั้นกระทรวงพาณิชย์ยังได้มีนโยบายในการส่งเสริมตลาดต่างประเทศในส่วนของสินค้านวัตกรรมที่ใช้ข้าวเป็นวัตถุดิบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแปรรูปข้าวไปเป็นอาหารขบเคี้ยวอาหารในหลากหลายรูปแบบแม้กระทั่งการนำไปทำเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์มีนโยบายที่จะส่งเสริมในเรื่องนี้ เพื่อที่จะไปช่วยเปิดตลาดในต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินการต่อเนื่องมาโดยลำดับและถือว่าตลาดนี้ก็เป็นตลาดที่มีศักยภาพตลาดหนึ่งของประเทศไทย รวมทั้งในส่วนที่ต้องการให้สหกรณ์ผู้ปลูกข้าว วิสาหกิจชุมชนที่มีศักยภาพ และพร้อมที่จะขายข้าวบนตลาดออนไลน์ได้มีโอกาสที่จะเข้ามาร่วมในการค้าข้าวบนตลาดออนไลน์ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งมีโครงการที่จะอบรมและทำการตลาดร่วมกัน

ที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือการที่ได้มีการสั่งการให้ทูตพาณิชย์ของไทยทั่วโลกได้ติดตามสถานการณ์ข้าวในโลกอย่างใกล้ชิดทั้งในประเทศผู้ผลิตและประเทศผู้ส่งออกข้าวที่เป็นคู่แข่งกับไทย และให้ประเมินสถานการณ์รายงานมายังกระทรวงพาณิชย์เพื่อติดตามสถานการณ์ตลาดข้าวโลกร่วมกับสมาคมส่งออกข้าวไทยโดยใกล้ชิดตลอดระยะเวลา

ทั้งหมดที่ได้มาดำเนินการในวันนี้ ก็เพื่อต้องการร่วมมือกันกับทุกฝ่าย ทั้งในส่วนของเกษตรกร โรงสี ผู้ประกอบการข้าวถุง ในส่วนของผู้ส่งออกข้าวไทย กระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์ เพื่อที่จะช่วยกันทำให้เกิดดุลยภาพทั้งในเรื่องการผลิตและการตลาดของข้าวไทย โดยมีเป้าหมายที่จะช่วยให้เกษตรกรสามารถขายข้าวเปลือกในราคาที่ดีที่สุดเท่าที่พวกเราจะร่วมมือกันทำได้ ขณะเดียวกันก็ให้ราคาข้าวสารสำหรับผู้บริโภคอยู่ในราคาที่ผู้บริโภครับได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะลดราคาลงมาอย่างไรได้บ้างในสถานการณ์วิกฤติที่กำลังเผชิญร่วมกันนี้

ทั้งนี้นายจุรินทร์ได้ถือโอกาสขอบคุณผู้ประกอบการหลายรายที่มาร่วมโครงการ “พาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน” ที่ได้ลดราคาข้าวถุงลงมาแล้วหลายยี่ห้อ รวมทั้งอาจจะมีล็อตที่ 2 ตามมาด้วยเร็ว ๆ นี้ ซึ่งจะแถลงให้ทราบต่อไป ทั้งนี้เพื่อเป้าหมายที่จะสร้างประโยชน์สูงสุดให้เกิดกับประเทศโดยรวม อย่างไรก็ตามสำหรับสถานการณ์ราคาข้าวเปลือกในประเทศนั้น หากราคาข้าวตกลงมาไม่ถึงรายได้ที่ประกันไว้ ขอเรียนว่านโยบายประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวก็ยังคงอยู่และยังสามารถดำเนินการจ่ายเงินส่วนต่างเข้าบัญชีโดยตรงของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวได้ต่อไป

/////////////////////////////

ด้านนายวัฒนศักดิ์ เสือเอี่ยม รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า
โครงการ “พาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน” เฉพาะในส่วนของข้าว เรามีสินค้าทั้งหมด 6 หมวดด้วยกัน เฉพาะข้าวที่อยู่ในหมวดอาหาร ผู้ประกอบการที่มาเข้าร่วมกับเรามี 15 รายในเบื้องต้นล็อตแรกนี้ข้าวมาบุญครองข้าวหอมมะลิ 100% ลดราคาจาก 299 บาทเหลือ 199 บาท ลด 100 บาทถือว่าลดประมาณ 33% รายถัดไปที่ลดเยอะข้าวเสาไห้ ตราเบญจรงค์ ลดจาก 128 บาทเหลือ 89 บาท ลดประมาณ 30% ถัดมาเข้าหอมมะลิตราปิ่นเงิน ลดราคาจาก 229 บาทเหลือ 169 บาท ลด 26.2% ข้าวหอมมะลิตราแสนดี ลดราคาจาก 197 เหลือ 179 ข้าวหอมมะลิตามบิ๊กซี 199 เหลือ 169 ข้าวเสาไห้ตราเบญจรงค์ 128 เหลือ 89 ข้าวพันธุ์ดีจาก 95 เหลือ 79 ข้าวปิ่นเงินหอมมะลิลดจาก 182 บาทเหลือ 159 บาท

“ถือเป็นภาพรวมเฉพาะกลุ่มข้าวบรรจุถุงและที่สำคัญที่สุดข้าวตราฉัตรจากข้าวสารบรรจุถุงมีตราสัญลักษณ์โครงการ “พาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน” จำนวน 200,000 ถุง ลดราคาจากเดิมที่เคยขาย 150 บาทเหลือ 115 บาท ลดถึง 35 บาทต่อถุง และมีผู้ประกอบการอีกหลายรายสนใจเข้าร่วมล็อตที่สอง” รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าว

ส่วนร. ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า

เรามีการคาดการณ์ไว้ว่าปี 63 จะมีการส่งออก 7,500,000 ตัน และเราก็จะแบ่งออกเป็นไตรมาส โดยไตรมาสแรกควรส่งออกได้ประมาณ 1,800,000 ตันแต่ตัวเลขที่ออกมาจริงๆ คือ 1,500,000 ตัน คือสถานการณ์ของตลาดโลก มีการเปลี่ยนแปลงไปโดยเวียดนามขายข้าวออกมาถูกมากในช่วงไตรมาสแรก แต่ปัญหาเรื่องโควิดทำให้เวียดนามมีการชะลอการส่งออก และอินเดียก็มีปัญหาเรื่องการขนส่งเพราะมีการล็อคดาวน์ประเทศ 30 วัน การขนส่งทางน้ำมีปัญหามากส่งออกได้ทางคอนเทนเนอร์ไม่มาก เราต้องระมัดระวังตัวเลขในการส่งออกไม่ให้สินค้าในประเทศของเราขาดแคลนด้วย

เรากำหนดไว้ว่าไตรมาสที่สองจะส่งออกประมาณ 2,000,000 ตัน เพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนกับความต้องการภายในประเทศ และไตรมาสที่สามตั้งตัวเลขไว้ที่ 2,000,000 ตันและไตรมาสที่สี่อีก 2,000,000 ตันตลอดทั้งปีประมาณ 7,500,000 ตัน ซึ่งอาจจะมีตัวเลขขยับเล็กน้อย

“เรายืนยันว่าข้าวภายในประเทศจะไม่ขาดแคลน และผมเชื่อว่าปีนี้ราคาข้าวเปลือกชาวนาได้ประโยชน์เต็มๆ เพราะช่วงนี้เข้าเปลือกแบบข้าวเปลือกขายได้ในราคา 9,000 กว่าบาท เป็นราคาสูงสุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา เราจะบริหารจัดการให้การส่งออกของเราอยู่ในระดับที่ชาวนามีความพอใจ และไม่ขาดแคลนภายในประเทศ” กล่าว

นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย เปิดเผยว่า ขอขอบคุณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (จุรินทร์ลักษณวิศิษฏ์) ที่ได้ทำนโยบายประกันรายได้ให้กับชาวนา ทำให้ชาวนาได้รับราคาข้าวที่เป็นธรรม และสูง เป็นที่พอใจของเกษตรกรชาวนามาก ตั้งแต่มีนโยบายประกันรายได้ ชาวนาได้รับราคาที่สูงสุดในรอบ 10 ปี
ที่ชาวนาไทยได้ในราคาสูงขนาดนี้ จากสมัยก่อนราคาข้าวสูงสุดอยู่ที่ 6,000 7,000 แต่วันนี้เราได้ราคา 9,500-9,700 บาท/ตัน

ซึ่งเกิดจากการที่มีนโยบายประกันรายได้ ที่ท่านเล็งเห็นความสำคัญของเกษตรกรชาวนาไทยทุกคน ชาวนาก็ฝากผมมาขอบคุณ ท่านรองนายกฯจุรินทร์ พร้อมทั้งฝากวอนว่าขอให้ ทำโครงการประกันรายได้ เช่นนี้ตลอดไปชาวนาไทยขอขอบพระคุณท่านมากครับ”นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย กล่าว

You may have missed