มั่นใจไมซ์โต! กรุงเทพฯ ครองแชมป์มาตรฐานโลก
ว่าด้วยโลกมีการเปลี่ยนแปลงไปมากจากยุค Globalization ไปสู่ยุค Millennium ที่มีผลให้พฤติกรรมผู้บริโภคในธุรกิจไมซ์มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกและสร้าง Customer Journey หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า User’s Experiences มากขึ้น ประกอบกับ กลุ่มเป้าหมายใหม่ในอนาคตคือ คนรุ่นใหม่ที่มีพฤติกรรมการเดินทางอย่างไร้ขอบเขต ชอบอะไรง่ายๆไม่ยุ่งยากไม่มีพิธีรีตอง คำนึงถึงแนวคิดด้านสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมไมซ์เช่นกัน โดยเฉพาะด้านการจัดประชุมในอนาคต โรงแรมอาจจะไม่ใช่ตัวเลือกแรกๆ ที่ต้องแข่งขันกันด้านราคาและการบังคับขายรวมเป็น Package เหมือนแต่ก่อน โดยเฉพาะในกลุ่มฝึกอบรมแบบ Corporate Training หรือ การอบรมเพิ่มศักยภาพทั่วไป เทรนของสถานที่จัดงานที่เน้นปัจจัยด้านสถานที่ที่ไปมาสะดวก ใกล้รถไฟฟ้า มีสิ่งอำนวยความสะดวกด้วยอุปกรณ์ทันสมัย
มี Sustainability Practices ที่คำนึงด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม อาทิ Green Meeting ไม่เสิร์ฟน้ำจากขวดพลาสติก คือให้ไปกดน้ำดื่มเอง (MICE Insight Report: Sustainability) Line ของว่างและอาหารง่าย ๆ มาจาก Local Product เพื่อลด Carbon Footprint และนำเสนออาหารที่เป็น Local Product จะโดดเด่นมาก การจัดวางที่นั่งและโต๊ะประชุมทีสามารถจัดได้หลากหลายรูปแบบก็สำคัญ ปัจจุบันเราก็มี Meeting Space รูปแบบใหม่ๆหลายที่ เช่น WEWORK , TRUE DIGITAL PARK, AIS DESIGN CENTER, C-ASEAN , HUBBA เป็นต้น แนวโน้มสถานที่การประชุมก็จะเปลี่ยนไปมาก จัดได้ทั้ง INDOOR OUTDOOR UNIQUE VENUE OR UNCONVENTION VENUE ด้วยแนวโน้มของโลกที่ให้ความสนใจมากขึ้นในเรื่อง Environment Economy มากขึ้น ซึ่งในยุโรป อเมริกาถือเป็น lifestyle และการดำเนินชีวิตของทุกคนไปแล้ว แต่ในเอเชียยังช้าเรื่องนี้มากๆโดยเฉพาะในเมืองไทยเพิ่งมาจับกระแสกัน สสปน.หรือ TCEB สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการเป็นผู้นำในด้านนี้ของเอเชียที่กระตุ้นการจัดงานและการประชุมที่ต้องคำนึงถึงการบูรณาการ และผลกระทบระหว่างเศรษฐกิจ ชุมชนและสิ่งแวดล้อม
การประชุมในอนาคตเพื่อให้เข้ากับพฤติกรรมของผู้บริโภค ยุค Millenniums และ GEN Z นอกจากการจัดการที่มีความยั่งยืนแล้ว รูปแบบอาหารก็จะเป็นอะไรที่ง่ายขึ้น เน้น healthy food line และอาหาร local การตกแต่งห้องก็ง่ายๆ ไม่ต้องมีผ้าจับจีบคลุม ดอกไม้ที่โพเดียมก็ไม่จำเป็นแล้ว ทุกคนจะพกกระบอกน้ำมาด้วย โรงแรมก็จะมีแท้งค์น้ำให้เติม ไม่มีการเสริฟขวดน้ำพลาสติกบนโต๊ะ การใช้กระดาษน้อยลง การเดินทางนิยมเส้นทางรถไฟฟ้า หรือ จัดในที่รถขนส่งสาธารณะไปมาสะดวก และถ้าใครจะบอกว่าธุรกิจการประชุมจะโดน Disrupt จากเทคโนโลยีอย่างเต็มรูปแบบก็ตาม อย่างไรเสียการมีปฎิสัมพันธ์ Face 2 Face ก็ยังต้องมี การสร้างความเชื่อมโยงในธุรกิจยังต้องใช้ People to People Business แต่ความถี่อาจน้อยลง และ segment จะ niche ลงมากขึ้น
ธุรกิจไมซ์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศไทย โดยกล่าวถึงการงานประชุม การจัดงานอีเวนท์ และการจัดงานแสดงสินค้า ภาพรวมแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น 8-10% ในปี 2563 โดยในปัจจุบัน มีนักธุรกิจและภาครัฐเข้าร่วมงานไมซ์ทั้งระดับนานาชาติและระดับในประเทศสูงถึง 37 ล้านคน สร้างรายได้สู่เศรษฐกิจไทยถึงปีละ 232,700 ล้านบาท กอปรกับปัจจุบันภาครัฐต้องการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสู่ภูมิภาค ทั่วประเทศ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและกิจกรรมไมซ์ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างแบรนด์สินค้า พัฒนาเศรษฐกิจจากการจัดงานให้มีการกระจายการจัดงานให้ทั่วถึงทุกพื้นที่ในภูมิภาคทำให้เกิดความต้องการจัดงานต่างๆ จากภาคเอกชน องค์กร สมาคมและภาครัฐ
จากรายงานล่าสุดเมื่อปี 2561 ของสมาคมการประชุมนานาชาติระดับโลก (International Congress and Convention Association – ICCA) และ อุตสาหกรรมไมซ์ไทยขึ้นแท่นอันดับ 4 ของเอเชียด้านการประชุมนานาชาติ ด้วยจำนวน 193 งาน รองจาก ญี่ปุ่น จีน และเกาหลี และเป็นอันดับหนึ่งของอาเซียน ยกระดับขึ้นจากปี 2560 ซึ่งไทยอยู่ในอันดบั 5 ของเอเชีย โดยมีจำนวนงาน ประชุมนานาชาติ 171 งานและคาดว่าจะยังโตต่อเนื่องทั้งปริมาณและรายได้ ยอดนักเดินทางไมซ์ทั้งในและต่างประเทศรวม กว่า 8 ล้านคน ทำรายได้เพิ่ม 6.27% มูลค่า 5 หมื่นล้านบาท ทีเส็บ เจาะตลาด ASEAN+6, CLMV และยุโรป ดันรายได้ 2.2 แสนล้านบาท ในปี 62
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สสปน. ได้ริเริ่มโครงการ “TMVS” (Thailand MICE Venue Standard) เพื่อยกระดับมาตรฐานสถานที่จัดงานประเทศไทยให้สามารถแข่งขันได้ในระดับนานาชาติ โดยได้สร้างตราสัญลักษณ์ “TMVS” เพื่อรับรองคุณภาพมาตรฐานซึ่งตราสัญลักษณ์นี้ จะสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ผู้ที่ต้องการจัดงานทั้งในระดับประเทศ และระดับนานาชาติ ได้มั่นใจในมาตรฐานสถานที่จัดงานประเทศไทย อันประกอบด้วย ด้านกายภาพ ด้านเทคโนโลยี ด้านการให้บริการ และด้านความยั่งยืน ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวมีการริเริ่มมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556 และได้สร้างจุดแข็งและจุดขาย ดึงงานในระดับนานาชาติสู่ประเทศไทย
โดย นางอรชร ว่องพรรณงาม ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมไมซ์ สสปน. กล่าวว่า “ว่าด้วยเรื่องมาตรฐาน สสปน. มีพัฒนามาตรฐานเพื่ออุตสาหกรรมไมซ์ 2 ตัวคือ มาตรฐานสถานที่จัดงานประเทศไทญ (Thailand MICE Venue Standard – TMVS) กว่า 5 ปีของการพัฒนาและการส่งเสริมมาตรฐาน TMVS ต้องยอมรับว่ามาตรฐานเป็นสิ่งสำคัญมากในทุกธุรกิจ เราเข้าใจหัวใจของผู้ให้บริการ และผู้ใช้บริการสถานที่จัดงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม ศูนย์ประชุม หรือสถานที่ Unconventional Venue ว่าต้องการอะไรในโลกที่มีแรงกดดันและความเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจสูงมาก และอีกหนึ่งมาตรฐานคือ มาตรฐานการบริหารการจัดการอย่างยั่งยืน (Thailand Sustainable Event Management Standard – TSEMS) ซึ่ง สสปน.ได้พัฒนาขึ้นเพื่อส่งเสริม สร้าง Tool ด้านการจัดงานอย่างยั่งยืน (Sustainability) เข้ามาเพิ่มศักยภาพและสร้างความรู้ความเข้าใจทุกครั้งที่มีการจัดงาน ไม่ว่าจะเป็นผู้ให้บริการหรือผู้ใช้บริการสถานที่การจัดงานห้องประชุมหรือโรงแรมต่างๆก็ได้ประโยชน์จากมาตรฐานดังกล่าว และเป็นเรื่องที่ดีอีกหนึ่งเรื่องที่ประเทศไทย โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร นครหลวงของเราได้คว้าตำแหน่งในระดับนานาชาติ 2 ปีซ้อน จากการได้รับการจัดลำดับเป็นจุดหมายปลายทางด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนเป็นที่ 2 ของทวีปเอเชียและลำดับที่ 19 ของโลกจากการจัดลำดับจากกว่า 50 ประเทศทั่วโลกในการจัดอันดับ Global Destination Sustainability Index หรือ GDS-Index 2019 ผ่านการให้คะแนนตามตัวชี้วัดทั้งสิ้น 4 ด้าน ได้แก่ ตัวชี้วัดด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental performance) 14 ข้อ, ตัวชี้วัดด้านสังคม (Social performance) 4 ข้อ, ตัวชี้วัดด้านความสามารถของการให้บริการ (Supplier performance) 8 ข้อ และตัวชี้วัดด้านความสามารถขององค์กรสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมของแต่ละประเทศ (CVB performance) 12 ข้อ The Global Destination Sustainability Index (GDS-Index) เป็นโครงการจัดอันดับเมืองที่เป็นจุดหมายปลายทางด้านการจัดงานที่มีความสามารถโดดเด่นเรื่อง “การพัฒนาอย่างยั่งยืน” เกิดจากการรวมตัวกันของกลุ่มประเทศยุโรปและสแกนดิเนเวีย ที่เป็นสมาชิกและได้รับการสนับสนุนจากสมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ หรือ International Congress and Convention Association (ICCA) ซึ่งมีความเข้มแข็งด้านการเป็นจุดหมายปลายทางด้านการจัดงานอย่างยั่งยืนเป็นอย่างมาก ปัจจุบันบริหารงานโดยพันธมิตรหลัก 4 องค์กร คือ International Congress and Convention Association (ICCA), MCI Group, IMEX และ European Cities Marketing (ECM) ซึ่งล้วนเป็นองค์กรที่เป็นที่รู้จักในแวดวงอุตสาหกรรมการจัดประชุม สัมมนา และงานแสดงสินค้าทั่วโลก