กลุ่มร่วมพัฒนาเขาดิน นำชาวบ้านกว่า 100 คน บุกทำเนียบรัฐบาล ยื่นหนังสือเปิดผนึกต่อประธาน EEC ยืนยันเจตนารมณ์สนับสนุน EEC พร้อมเรียกร้องให้ประกาศเปลี่ยนผังเมือง EEC โดยเร็ว ระบุชาวบ้านตัวจริงต้องการความเจริญในพื้นที่ วอนรัฐบาลอย่าสนใจเสียงคัดค้านไม่สร้างสรรค์

กลุ่มร่วมพัฒนาเขาดิน นำชาวบ้านกว่า 100 คน บุกทำเนียบรัฐบาล ยื่นหนังสือเปิดผนึกต่อประธาน EEC ยืนยันเจตนารมณ์สนับสนุน EEC พร้อมเรียกร้องให้ประกาศเปลี่ยนผังเมือง EEC โดยเร็ว ระบุชาวบ้านตัวจริงต้องการความเจริญในพื้นที่ วอนรัฐบาลอย่าสนใจเสียงคัดค้านไม่สร้างสรรค์

 


วันนี้ (30 ส.ค.62) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายกิตติทัศน์ ประเสริฐศรี ผู้ใหญ่บ้าน ตำบลเขาดิน หมู่ 5 ร่วมกับ นายทนากร ศรศรี ผู้ใหญ่บ้าน ตำบลเขาดิน หมู่ 7 และนายวิเชษฐ์ เกตุแก้ว ตัวแทนชาวตำบลพานทอง นำตัวแทนชาวบ้านตำบลเขาดินและตำบลพานทอง กว่า 100 คน ถือสำเนาบัตรประชาชนชาวบ้าน ที่สนับสนุน EEC มากกว่า 500 คน เข้ายื่นหนังสือถึงพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน โครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกหรือ (EEC) เพื่อขอความเป็นธรรม โปรดรับฟังพลังเสียงจริงจากชาวบ้านที่เห็นด้วยกับการสร้าง โครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกหรือ(EEC) ในเขตพื้นที่เขาดินและขอให้เร่งประกาศการเปลี่ยนผังเมืองโดยเร็ว โดยมี นางสาวทัศนีย์ เกียรติภัทราภรณ์ รองเลขาธิการสายงานพัฒนาพื้นที่และชุมชน สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เป็นผู้รับมอบหนังสือ


สำหรับสาระสำคัญของหนังสือฉบับนี้ เป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่รัฐบาลจัดให้มีโครงการเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC และมีผู้สนใจเข้ามาลงทุน เพื่อพัฒนาพื้นที่ให้เกิดความเจริญ เกิดการพัฒนา ทั้งด้านการศึกษาและเศรษฐกิจในพื้นที่ ตำบลเขาดิน อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งเดิมในผังเมืองรวมของชุมชนบางปะกงถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่สีเขียว ชาวบ้านจึงไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้นอกจากทำเกษตรกรรมเท่านั้น ด้วยข้อจำกัดของผังเมืองเดิมทำให้ไม่สามารถประกอบกิจการค้าขายอื่นใดได้ นอกจากการทำเกษตรกรรม ไม่สามารถสร้างตึกหรืออาคารสูงเพื่อจัดทำโรงงานหรือธุรกิจอื่นใดได้ อีกทั้งน้ำทะเลลุกล้ำเข้าเขตพื้นที่การเกษตร เป็นภัยธรรมชาติที่ไม่อาจควบคุมได้ ทำให้ผลผลิตไม่แน่นอน รายได้ไม่คงที่ ไม่อาจวางแผนครอบครัว หรือส่งเสริมบุตรหลานให้ได้รับการศึกษาที่ดีได้ หากมีการเปลี่ยนแปลงผังเมืองให้เป็นพื้นที่ที่สามารถลงทุนทำธุรกิจด้านอื่นๆ นอกเหนือจากเกษตรกรรมสำเร็จจะก่อให้เกิดการสร้างงาน สร้างเงินให้กับชุมชน ได้มีรายได้เพิ่มมากกว่าการทำเกษตรกรรม และเมื่อมีนักลงทุนเข้ามาพัฒนาที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับชุมชน จึงเป็นโอกาสที่ดีของชุนชนเขาดิน ถึงต้องรวมพลังร่วมกันผลักดันโครงการ EEC ให้เกิดขึ้นและสำเร็จโดยเร็ว เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของชุมชนต่อไป


นายกิตติทัษน์ ประเสริฐศรี ผู้ใหญ่บ้าน ตำบลเขาดิน หมู่ 5 ตัวแทนชาวเขาดิน กล่าวว่า ปัจจุบันพื้นที่ตำบลเขาดิน ชาวบ้านทำเกษตรกรรมน้อยลง ผลผลิตที่ได้น้อยลงกว่าในอดีตมาก ชาวบ้านในพื้นที่ส่วนใหญ่ขายที่ดินให้นักลงทุน เพราะเห็นว่าหากมีการพัฒนาที่ดินดังกล่าว จะเกิดประโยชน์มากกว่าการทำเกษตรกรรม และจากกรณีมีบุคคลอ้างว่า ชาวบ้านตำบลเขาดิน ได้รับความเดือดร้อนจากการเปลี่ยนแปลงผังเมือง EEC นั้น ขอยืนยันไม่เป็นความจริง อยากวอนรัฐบาลอย่าหลงเชื่อผู้แอบอ้างเป็นผู้หวังดีต่อชุมชน อย่าหลงเชื่อกลุ่มบุคคลนอกพื้นที่ มาแอบอ้างว่าต้องการรักษาผลประโยชน์ของชาวบ้านในพื้นที่ ไม่เป็นเรื่องจริงทั้งสิ้น ขอย้ำอีกครั้งว่า ผู้นำชุมชนและชาวบ้านตำบลเขาดินที่แท้จริงสนับสนุนโครงการ EEC มาโดยตลอด และจะสนับสนุนตลอดไปจนกว่าจะจัดตั้งโครงการสำเร็จ เพราะต้องการความเจริญคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น หากโครงการเกิดขึ้น จะทำให้เกิดการจ้างงานได้ทำงานและอยู่ใกล้ครอบครัว ลูกหลานเรียนจบจะได้กลับมาทำงานใกล้บ้าน ทำให้มีรายได้จากภาษีท้องถิ่นมากขึ้น นำไปพัฒนาสาธารณูปโภคและความเป็นอยู่ที่ดีให้ชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้น เศรษฐกิจและการค้าดีขึ้น ประชาชนกินดีอยู่ดี พึ่งพาตนเองได้


นอกจากนี้หากมีการเปลี่ยนแปลงผังเมืองจากสีเขียว ไปเป็นสีที่สามารถสร้างอุตสหกรรมได้ เชื่อว่า ภาคอุตสาหกรรมสะอาดและภาคเกษตรกรรม สามารถอยู่ด้วยกันได้ด้วยดี เพราะเมื่อมีอาชีพให้เลือกทำได้มากขึ้นย่อมเป็นผลดีแก่ชาวชุมชนตำบลเขาดิน การมีผู้อยู่อาศัยในพื้นที่มากขึ้น การซื้อ-ขายสินค้า และบริการต่างๆ รวมทั้งการขายอาหารทะเลของชาวชุมชนเขาดินก็ขายได้มากขึ้น ย่อมทำให้เกิดแต่สิ่งดี ๆ ตามมา การนำพื้นที่เพียงบางส่วนและเป็นส่วนน้อยไม่ถึงร้อยละ 2 ของจังหวัดฉะเชิงเทรามาพัฒนาให้เกิดประโยชน์มากขึ้น ย่อมเป็นผลดีต่อจังหวัดฉะเชิงเทราและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศได้ด้วย
ด้านนายทนากร ศรศรี ผู้ใหญ่บ้าน ตำบลเขาดิน หมู่ 7 กล่าวเพิ่มเติมว่า

วันนี้กลุ่มร่วมพัฒนาเขาดิน ชาวบ้านตำบลเขาดินและตำบลพานทอง กว่า 100 คน พร้อมรายชื่อชาวบ้านที่สนับสนุน EEC มากกว่า 500 รายชื่อ ขอยืนยันเจตนารมณ์ในการสนับสนุนโครงการของ EEC พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลประกาศเปลี่ยนผังเมือง EEC โดยเร็ว ขอย้ำว่าชาวบ้านตัวจริงต้องการความเจริญในพื้นที่ ขอวิงวอนรัฐบาลอย่าสนใจเสียงคัดค้านที่ไม่สร้างสรรค์ หากการเปลี่ยนแปลงผังเมืองตามนโยบาย EEC ต้องล่าช้าออกไปอีก เพียงเพราะการปลุกปั่นของคนนอกพื้นที่ ที่ไม่เคยเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมเห็นแต่ประโยชน์ของกลุ่มตัวเองไม่เคยสนใจความเดือดร้อนของคนในพื้นที่จริง ขอให้รัฐบาลอย่าสนใจบุคคลเหล่านี้ ให้ฟังเสียงจริงของชาวบ้านชุมชนตำบลเขาดิน ที่ต้องการให้เกิดความเจริญทางด้านเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา และการพัฒนาพื้นที่ให้เกิดขึ้นโดยเร็วด้วย ดังนั้น จึงขอร้องให้รัฐบาลช่วยฟังเสียงส่วนใหญ่ที่สนับสนุนโครงการ EEC เป็นความต้องการของคนในพื้นที่ที่แท้จริง ในการพิจารณาโครงการให้ดำเนินการต่อไป


ด้านนายวิเชษฐ์ เกตุแก้ว ตัวแทนชาวตำบลพานทอง กล่าวว่า การมารวมตัวกันในวันนี้ก็เพื่อแสดงจุดยืนอยากให้ โครงการ EEC เกิดขึ้นโดยเร็ว จึงลงชื่อทำหนังสือยื่นต่อประธาน EEC ที่มีความตั้งใจและมุ่งมั่นเข้ามาพัฒนาพื้นที่ให้เกิดความเจริญแล้วนั้น คนในชุมชนจึงไม่ปล่อยให้ EEC สู้อย่างเดียวดาย พร้อมใจออกมาร่วมสู้และยืนหยัดที่จะร่วมเปิดโอกาสให้คนในพื้นที่ ได้รับการพัฒนาจากโครงการ EEC จึงจับมือรวมตัวกันออกมาขอทวงคืนสิทธิ ในการตัดสินใจเปิดบ้านต้อนรับ EEC เพราะชาวบ้านในพื้นที่มีความมั่นใจว่า เมื่อมีโครงการ EEC เข้ามา พื้นที่โดยรอบจะได้รับประโยชน์จากการพัฒนาเหมือนที่ผ่านๆมามีหลายชุมชนสามารถอยู่ร่วมกับพื้นที่อุตสาหกรรมได้อย่างยาวนานกว่า 30 ปี

เห็นได้จากการเปลี่ยนแปลง ทั้ง ทางเศรษฐกิจ สังคม ชุมชน ระบบสาธารณูปโภค และแหล่งงานที่อยู่ใกล้บ้าน ลูกหลานทำงานในพื้นที่ไม่ต้องออกไปทำงานนอกพื้นที่ ไกลบ้านไกลครอบครัว เกษตรกรค้าขายสินค้าให้แก่โรงงาน หรือคนในโรงงาน ซึ่งเชื่อมั่นว่าหากรัฐบาลและโครงการ EEC มีการบริหารงานร่วมกัน ช่วยกันนำความเจริญและสิ่งดีๆเข้าสู่ชุมชนๆก็อยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน จึงอยากส่งสารไปยังนักปลุกปั่นนักเคลื่อนไหวทั้งหลายให้หยุดการกระทำที่จะพยายามเข้ามาขัดขวางความเจริญของ ชาวเขาดิน ขอร้องอย่าเข้ามาสร้างความแตกแยกให้เกิดในชุมชน ช่วยมีจิตสำนึกในการคำนึงถึงผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับชุมชนส่วนรวมด้วย ขอร้องช่วยหยุดการกระทำที่ไม่ดีทั้งหมดเสียตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป อย่าเข้ามาถ่วงความเจริญ ของชาวบ้านอีกเลย