โลกตะลึง เหตุผลเพราะเจ็บทำ “น้องณี” ชวดเข้าไฟนอลยิงเป้าบินอลป.


เปิดความจริงในใจ “น้องณี” สาเหตุของความผิดหวังจนชวดเข้าไฟนอลยิงเป้าบิน โอลิมปิก ประเภทสดีตเพราะเจ็บจนเกือบเดินไม่ได้ เพราะมีอาการบาดเจ็บที่เส้นประสาทในกระดูกสันหลัง ก่อนแข่งอลป.2 สัปดาห์ เป็นเหตุผลที่ทำให้อึ้งจริงๆ แม้จะพ่ายแพ้ แต่ก็ทำให้ภูมิใจ
“น้องณี” สุธิยา จิวเฉลิมมิตร นักกีฬายิงเป้าบิน อันดับ 4 ของโลก ที่ผ่านการแข่งขันโอลิมปิกมา 4 สมัย ล่าสุด พบกับความผิดหวัง ที่ไม่สามารถผ่านเข้ารอบไฟนอล การแข่งขันยิงเป้าบินในการแข่งขันโอลิมปิก ครั้งที่ 32 “โตเกียว 2020” ที่ สนามยิงปืนอาซะกะ ชู้ตติ้ง เรนจ์ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในประเภทสกีตหญิง โดยได้อันดับ 11 ยิงได้ 118 คะแนน
ซึ่ง “น้องณี” ได้โพสต์เฟซบุ๊กเปิดความรู้สึกและความจริงในใจว่า
“ใช่ มันน่าเสียดายอีกสองเป้าเท่านั้นณีก็จะเข้ารอบชิง… ใช่มันน่าจะทำได้ดีกว่านี้
แต่มันก็อาจจะแย่กว่านี้มากๆก็ได้
วันนี้ณีแข่งเสร็จด้วยคะแนน 118 อีกสองแต้มมีโอกาสเข้ารอบชิงชนะเลิศ
วันนี้เป็นอีกวันที่ณีภูมิใจในตัวเองมากที่สุด “เพราะณีไม่เคยยอมแพ้”
สองอาทิตย์ก่อนเดินทางมาแข่งขันกีฬาโอลิมปิคเกมส์ ณีมีอาการบาดเจ็บที่เส้นประสาทในกระดูกสันหลัง วันนั้นณีต้องขึ้นรถฉุกเฉินจากสนามซ้อมที่บ้านที่สระแก้ว เข้ามาทำ MRI ด่วน เพราะเดินแทบจะไม่ได้แล้ว ในตอนนั้นคิดว่า เราคงไม่ได้ไปแข่งโอลิมปิคแล้ว จบกัน การเตรียมตัวต่อเนื่องมา 5 ปี สภาพนี้ยังไงก็ไม่ไหว
แต่หลังจากได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน และทำกายภาพทุกวัน ตอนนั้นณีทำได้แค่นอนกับที่เป็นเวลา 2 อาทิตย์ ได้ซ้อมก่อนเดินทางมาแข่ง 3 ครั้งเบาๆ
ณ เวลานี้ 2 เป้าที่ขาดหาย มันทำให้เราภูมิใจ 2 เป้าที่ขาดหายมันทำให้เรารู้ว่าเราใกล้ ไม่ได้ไกลเลย
โดยเฉพาะ รอบสุดท้ายของการแข่งขัน ณียิงถูกหมดทุกเป้า ทั้งๆที่รู้ว่า สุดท้ายก็ไม่ได้เข้ารอบชิงแน่นอน
นี่แหละคือสิ่งที่อยู่ในตัวเรามาตลอด
ณี ‘ไม่เคยยอมแพ้’ เส้นทางนี้ยังไม่จบ เพราะเรา ‘จะไม่ยอมแพ้’
ขอบคุณทีมงานทุกคนที่สนับสนุนและทำงานอย่างเต็มความสามารถ เส้นทางสำคัญกว่าจุดหมายเสมอ
Yes I was 2 targets away from final.
Yes It could have been better but it was also could be worst.
I couldn’t be more proud of myself today. The most important thing and has been in me the whole time is I NEVER GIVE UP.
I had an acute spinal nerve inflammation 2 weeks before travelling to Tokyo. Has been in hospital and daily physical therapy.
There was moments I thought I couldn’t come to Tokyo, it’s done! But I only laid on my back for 2 weeks did whatever it takes and here I am… 2 targets away from final.
Manage to hit all targets in my last round knowing I had no chance to enter final.
I’m proud of myself. I’m thankful to people who helped and support me along my journey whatever things thrown at me along the way.
So I keep this is my mind. This journey is not ending. It won’t, because I NEVER GIVE UP.
ต้องขอขอบคุณคุณหมอไพศาล จันทรพิทักษ์ หัวหน้าแพทย์ประจำทีมนักกีฬาไทยชุดทำศึกโอลิมปิกเกมส์ 2020. นพ.นิธิวัฒน์ กิจศรีอุไร ผอ.รพ.สมิติเวช สุขุมวิท และ นพ. วิเชียร จิระบุญศรี ที่ให้การรักษาอย่างเต็มที่และทันท่วงที. ขอบคุณทีมงานกายภาพ การกีฬาแห่งประเทศไทย ไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
สุดท้ายขอแสดงความยินดีกับน้องวอร์มสำหรับผลงานที่ยอดเยี่ยมในวันนี้ค่ะ”
เพราะ “น้องณี” สุธิยา จิวเฉลิมมิตร มีอาการบาดเจ็บที่เส้นประสาทในกระดูกสันหลังก่อนการแข่งขันโอลิมปิก 2020 แต่ฝืนลงแข่ง แม้ต้องพ่ายแพ้ไม่สามารถทำตามเป้าหมายที่หวังไว้แต่ก็ยังภูมิใจ
“เป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก เพราะขออีกสองเป้าเท่านั้นก็จะเข้ารอบชิงชนะเลิศแล้ว และถ้าทำได้ดีกว่านี้ แต่เมื่อผลออกมาเป็นอย่างนี้ก็พร้อมยอมรับ และรู้สึกภูมิใจในตัวเองมากที่สุดที่ไม่เคยยอมแพ้ แม้สถานการณ์โอลิมปิกเกมส์ครั้งนี้มาแข่งในสภาพร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ เนื่องจากก่อนมาแข่งมีอาการบาดเจ็บที่เส้นประสาทในกระดูกสันหลัง ต้องขึ้นรถฉุกเฉินจากสนามซ้อมที่บ้านที่ จ.สระแก้ว เข้ามาทำเอ็มอาร์ไอด่วน เพราะเดินแทบจะไม่ได้แล้ว”
“ในตอนนั้นณีคิดว่าคงไม่ได้ไปแข่งโอลิมปิกแล้ว จบกัน การเตรียมตัวต่อเนื่องมา5 ปี สภาพนี้ยังไงก็ไม่ไหว แต่หลังจากได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน และทำกายภาพทุกวัน ตอนนั้นณีทำได้แค่นอนกับที่เป็นเวลา 2 อาทิตย์ ได้ซ้อมก่อนเดินทางมาแข่ง 3 ครั้งเบาๆ ณ เวลานี้ 2 เป้าที่ขาดหาย มันทำให้เราภูมิใจ 2 เป้าที่ขาดหายมันทำให้เรารู้ว่าเราใกล้ ไม่ได้ไกลเลยโดยเฉพาะ รอบสุดท้ายของการแข่งขัน ณียิงถูกหมดทุกเป้า ทั้งๆที่รู้ว่า สุดท้ายก็ไม่ได้เข้ารอบชิงฯ”
“นอกจากนี้ เส้นทางนี้ยังไม่จบ เพราะจะไม่ยอมแพ้และพร้อมจะสู้ต่อไป และขอแสดงความดีใจกับ “วอร์ม” อิศราภา อิ่มประเสริฐสุข กับผลงานที่ยอดเยี่ยม ได้อันดับ 4 โอลิมปิก”

You may have missed