บิ๊กป้อม” กำชับทุกหน่วยงาน ยกระดับคุณภาพชีวิต แรงงานนอกระบบ สร้างความเสมอภาคทางสังคม
รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการแรงงานนอกระบบแห่งชาติ (คนช.) ครั้งที่ 1/2563 กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งผลักดันกลุ่มแรงงานนอกระบบให้มีชีวิตที่ดี มีความเสมอภาคทางสังคม
วันที่ 19 มีนาคม 2563 เวลา 10.00 น. พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการแรงงานนอกระบบแห่งชาติ (คนช.) ครั้งที่ 1/2563 โดยมีหม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน คณะผู้บริหารกระทรวงแรงงาน และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมฯ ณ ห้องประชุม ศ.นิคม จันทรวิทุร ชั้น 5 กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน อาคารกระทรวงแรงงาน
พลเอกประวิตรฯ กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการแรงงานนอกระบบแห่งชาติ (คนช.) ในวันนี้ เป็นการประชุมครั้งที่ 1/2563 เพื่อให้คณะกรรมการทุกท่านได้รับทราบมติคณะรัฐมนตรีที่อนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการแรงงานนอกระบบแห่งชาติ สถานการณ์ด้านแรงงานนอกระบบ รวมถึงผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ภายใต้แผนบริหารจัดการแรงงานนอกระบบแห่งชาติ พ.ศ. 2560 – 2564
สำหรับเรื่องสำคัญที่ได้ร่วมกันพิจารณาในวันนี้ คือการให้ความเห็นชอบร่างแผนปฏิบัติการ ประจำปี 2563 ภายใต้แผนปฏิบัติการด้านการบริหารจัดการแรงงานนอกระบบ พ.ศ. 2560 – 2564 และการพิจารณาแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อประสานและขับเคลื่อนนโยบายการบริหารจัดการแรงงานนอกระบบ ให้บรรลุเป้าหมายของรัฐบาลในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกกลุ่ม โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
พลเอกประวิตรฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า แรงงานนอกระบบถือเป็นกำลังแรงงานประชากรกลุ่มใหญ่ที่สุดของประเทศ เป็นผู้มีงานทำ ส่วนใหญ่มีรายได้น้อย ต้องทำงานหนัก รวมทั้งต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆ เช่น ได้รับค่าตอบแทนจากการทำงานที่ต่ำ การมีงานทำที่ไม่ต่อเนื่อง ขาดหลักประกันทางสังคม ไม่มีความปลอดภัยอาชีวอนามัยในการทำงาน
ดังนั้น สิ่งที่ท้าทายรัฐบาลอยู่ในวันนี้ คือ การหาวิธีแก้ไขปัญหา และการบริหารจัดการกับกลุ่มแรงงานนอกระบบที่มีจำนวนมาก ให้มีอาชีพ มีงานทำ มีทักษะฝีมือ มีรายได้ที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนให้มีหลักประกันทางสังคมและความมั่นคงในชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน เข้าถึงโอกาสและความเสมอภาคทางสังคมทั้งนี้ ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานเร่งรัดขับเคลื่อนการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการฯ ที่ได้เห็นชอบร่วมกันต่อไป