จีน อนุมัติให้ผลิตยาต้านโคโรน่าไวรัส ตัวแรก!! #Favilavir (ฟาวิลาเวียร์)
จีน อนุมัติให้ผลิตยาต้านโคโรน่าไวรัส ตัวแรก!!
#Favilavir (ฟาวิลาเวียร์)
💊💊💊
เรามาทำความรู้จักยาตัวนี้
และกลไกในการต้านไวรัสแบบภาษาชาวบ้านๆกันค่ะ 😃
👉มันคือยาอะไร?
👉จีนไปเจอได้ยังไง?
👉ยาออกฤทธิ์ยังไง?
👉ยาช่วยทุกคนที่ติดเชื้อได้ไหม?
👉ทำไมไม่ผลิตแจกทุกคนกินป้องกันไว้เลย?
แล้วถ้าไม่มียาสำหรับป้องกัน ..
👉เราควรทำอย่างไร?
👉เหตุผลที่บางคนติดเชื้อแล้วไม่แสดงอาการ?
💊💊💊💊💊💊
👉 #มันคือยาอะไร?
1. Favilavir (ฟาวิลาเวียร์) เป็นชื่อการค้าของจีน
ชื่อเต็มๆของเขาคือ ฟาวิ – พิราเวียร์ (Favi-piravir)
2. ฟาวิพิราเวียร์ เป็นยาต้านไวรัสที่ใช้กับไวรัสไข้หวัดใหญ่หลายตัว
3. ถูกค้นพบและพัฒนาโดยบริษัทโตยามะเคมิคอล ประเทศญี่ปุ่น ผลิตขายในชื่อการค้า Avigan มาหลายปีแล้ว
(ซึ่งตอนนี้ญี่ปุ่นเองก็กำลังผลิตยาตัวนี้มารักษาคนไข้ COVID-19 ของเขาเช่นกัน)
👉 #จีนไปเจอยาได้ยังไง?
4 กพ.63 จีนได้ทดลองยาต้านไวรัสหลายชนิดกับผู้ป่วย COVID-19 จนค้นพบว่า ฟาวิพิราเวียร์ ให้ผลต้านไวรัสในหลอดทดลองไม่ค่อยดีแต่พอเอาไปทดลองกับคนแล้วให้ผลดีจนน่าพอใจ
ผลที่ว่านั้นคือ
** หลังจากได้รับยา 2 วัน ผู้ป่วย 72% มีไข้ลดลง
** หลังจากได้รับยา 3 วัน ผู้ป่วย 38% มีผลภาพรังสีปอดที่ดีขึ้น และดีขึ้นเป็น 70% ภายใน 6 วัน
16 กพ.63 จีนอนุมัติให้ บริษัท เจ้อเจียงไห่เจิ้ง ฟาร์มาซูติคอล (浙江海正薬业股份有限公司) ผลิตและจำหน่ายตั้งแต่ 16 กพ.63 และเป็นตัวเดียวกันกับที่ส่งมาที่ไทย และผลิตส่งให้ประเทศต่างๆทั่วโลก
👉 #ออกฤทธิ์ยังไง?
เหตุผลที่ฟาวิพิราเวียร์ออกฤทธิ์ในคนได้ดี เพราะ ฟาวิพิราเวียร์ ออกฤทธิ์ 2 แบบไปพร้อมๆกัน คือ
1. ยับยั้งการเพิ่มจำนวนของไวรัส
โดยการยับยั้งเอนไซม์ RNA-dependent RNA polymerase,RdRP ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่มีในไวรัสเท่านั้น ไม่มีในคน ยาจึงออกฤทธิ์ต่อไวรัสอย่างจำเพาะเจาะจง
2. เมื่อยาเข้าสู่ร่างกายจะถูกเปลี่ยนเป็นสารตัวหนึ่ง ที่ไปทำให้ไวรัสกลายพันธุ์
สารตัวนั้นคือ (active form) = favipiravir-ribofuranosyl-5′-triphosphate (RTP)
ยาจะเข้าไปทำหน้าที่ 2 อย่างนั้น คือ ทำให้ไวรัสที่มีอยู่แล้วในร่างกายคนจะเพิ่มจำนวนช้า ตัวที่มีชีวิตอยู่ก็ค่อยๆกลายพันธุ์
จนภูมิต้านทานในร่างกายเราเข้าไปกำจัดไวรัสจนหมดหรือเหลือปริมาณน้อยมากๆ จนไม่สามารถก่อโรคในร่างกายเราได้อีก
👉 #ยาช่วยทุกคนที่ติดเชื้อได้ไหม?
ผลจากการออกฤทธิ์ 2 แบบพร้อมกันนี้
ทำให้ประสิทธิภาพในการต้านไวรัสของยาได้ผลดี สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มติดเชื้อใหม่ๆ และความเสียหายของ “ปอด” ไม่มาก
แปลอีกอย่างว่า ..
ยาจะช่วยได้ทัน ก็ต่อเมื่อปอดยังไม่เสียหายหนักเกินไป!!
ถ้าไวรัสทำลายปอดไปมากแล้ว
ให้ยาจนไวรัสตายหมดก็ช่วย 👉 ปอด 👈” ไม่ทันอยู่ดี!!
ปอดเสียหายหนัก .. หายใจไม่ได้
ระบบทางเดินหายใจก็ล้มเหลว
ฉะนั้น .. หมอทุกคนจึงรณรงค์ให้ทุกคน
👉ป้องกัน.. ปอด 👈 ของตัวเอง
..
👉 #ทำไมไม่ผลิตยาแจกทุกคนกินป้องกันไว้เลย?
1. ต้องใช้ยาจำนวนมาก
ยาเม็ดขนาด 200 มิลลิกรัม
ขนาดการใช้โดยทั่วไปสำหรับผู้ใหญ่
วันแรก 1,600 มิลลิกรัม วันละสองครั้ง
วันที่ 2-5 600 มิลลิกรัม วันละสองครั้ง
ระยะเวลาการรักษาโดยรวมคือ 5 วัน ด้วย
ดังนั้นจึงต้องรับประทาน
(1600 x 2 + 600 x 2 x 4) มก. / 200 มก. = 40 เม็ดต่อคน
และผลจากการได้รับยาในปริมาณสูงยังคงอยู่ระหว่างการศึกษา
2.เนื่องจากไวรัสชนิดนี้แพร่กระจายในอากาศ ได้ทั้งจากสิ่งมีชีวิตตระกูลค้างคาวสู่คน และ คนสู่คน ทำให้การแพร่ระบาดเร็วมากๆ
การป้องกันการติดเชื้อทางกายภาพ เช่น ใช้ผ้าปิดจมูก หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารคัดหลั่งของผู้ป่วยติดเชื้อ ล้างมือให้สะอาดฯ “จึงสำคัญเร่งด่วน” และ “ให้ผลดี คุ้มค่ามากกว่า” การให้ยาป้องกันหรือรักษา
3.. เขากำลังพัฒนาวัคซีนอยู่ และคาดว่าน่าจะพัฒนาเสร็จเร็วๆนี้ ระหว่างนี้ ดูแลตัวเองกันไปก่อนนะ
4. โดยปกติเกณฑ์การให้วัคซีนป้องกันหรือยาต้านไวรัสที่แพร่ระบาดเร็ว มักจะให้ยากับกลุ่มเสี่ยงก่อนเสมอ
กลุ่มเสี่ยงที่ว่านั้น .. คือ
1. ผู้สูงอายุ หรือเด็ก เพราะภูมิต้านทานต่ำ
2. ผู้ป่วยโรคหอบหืด หรือถุงลมโป่งพอง (ปอดไม่ค่อยดีแล้ว)
3. ผู้ป่วย HIV ที่ภูมิต้านทานต่ำ ได้รับเคมีบำบัด
👉 แล้วถ้าไม่มียาสำหรับป้องกัน ..
#เราควรทำอย่างไร?
1. อย่าเอาตัวเองไปพื้นที่เสี่ยง อย่าเห็นแก่ตั๋วถูกแล้วไปเที่ยว!!
2. ป้องกันตัวเองจากสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ ถ้าไม่รู้ว่าใครติดเชื้อ(บางคนติดเชื้อแล้วไม่แสดงอาการ) ก็ป้องกันมันไว้ทุกคนนั่นแหละ
3. ใส่ผ้าปิดจมูกเสมอ ล้างมือบ่อยๆ กลับถึงบ้านอาบน้ำทันที ใช้ช้อนกลางตักอาหาร
4. นอนหลับพักผ่อนให้พอ ** กินอาหารดีๆที่ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน** (ข้อนี้สำคัญมาก)
👉 #เหตุผลที่บางคนติดเชื้อแล้วไม่แสดงอาการ?
เพราะภูมิคุ้มกันของร่างกายแต่ละคนไม่เหมือนกัน
คนที่ภูมิคุ้มกันของร่างกายเข้มแข็ง ก็แสดงอาการช้ากว่าคนอื่น หรืออาจจะไม่แสดงอาการเลย
ฉะนั้น ที่พึ่งของเราไม่ใช่รอแต่หน่วยงานของรัฐ
เราควรพึ่งพาตัวเอง ด้วยการสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายให้สูงขึ้นตั้งแต่วันนี้