เดินหน้าเรียกร้องบุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย ร่วมรณรงค์แก้ปัญหาควันบุหรี่
นายมาริษ กรัณยวัฒน์ ตัวแทนเครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า “กลุ่มลาขาดควันยาสูบ (ECST) และเฟซบุ๊คเพจ “บุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร” นำสมาชิกเครือข่ายฯ กว่า 10 คน ยื่นหนังสือและผลการศึกษาทางวิทยาศาสตร์จากต่างประเทศให้กับกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงสาธารณสุขเพื่อเรียกร้องให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าควบคุม พร้อมกล่าวว่า “บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ถูกต้องตามกฎหมายในประเทศพัฒนาแล้วเช่น อังกฤษ อเมริกา และอีก 20 กว่าประเทศในสหภาพยุโรป เพื่อเป็นทางเลือกในการลดอันตรายจากควันบุหรี่ที่สนับสนุนโดยรัฐบาล ทำให้อัตราการสูบบุหรี่ลดลงเป็นประวัติการณ์ แต่บ้านเรามีการรณรงค์วันงดสูบบุหรี่โลกทุกปี ทำไมจำนวนผู้สูบบุหรี่กลับลดลงเพียงเล็กน้อย และคนตายจากการสูบบุหรี่เพิ่มขึ้นจาก 51,000 คน ไปเป็นกว่า 70,000 คน ในปีที่ผ่านมา อีกทั้งประชาชนยังคงเข้าใจผิดว่านิโคตินเป็นตัวการก่อโรคมะเร็งและโรคปอดต่างๆ อีกด้วย ซึ่งตรงกันข้ามกับข้อมูลจากหน่วยงานสาธารณสุขชั้นนำของโลกอย่างองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา และ สธ. อังกฤษ ที่ยืนยันว่าควันที่เกิดจากการเผาไหม้ของบุหรี่ต่างหากที่เป็นอันตรายหลักต่อสุขภาพของผู้สูบบุหรี่และคนรอบข้าง”
“หลายประเทศต่างกังวลกับการแบนบุหรี่ไฟฟ้าของประเทศไทย เพราะนอกจากจะเป็นการบังคับให้ผู้สูบบุหรี่ในประเทศและนักท่องเที่ยวต้องได้รับอันตรายจากควันบุหรี่ต่อไปแล้ว ยังสร้างปัญหาเพิ่มเติมเพราะนักท่องเที่ยวหลายรายถูกจับดำเนินคดีอาญาเพราะมีหรือใช้บุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย เมื่อต้นเดือนนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการลดอันตรายจากควันยาสูบจากอังกฤษ สหรัฐอเมริกา และนิวซีแลนด์ ได้เขียนจดหมายถึงนายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ระบุว่าผลการศึกษาในอังกฤษไม่พบว่าบุหรี่ไฟฟ้าทำให้เยาวชนมาติดบุหรี่เพิ่มขึ้น พร้อมสนับสนุนให้มีการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าให้ถูกกฎหมาย”
เครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าได้นำจดหมายจากผู้เชี่ยวชาญ และเครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าจากต่างประเทศ พร้อมรายชื่อผู้สนับสนุนให้ยกเลิกการแบนบุหรี่ไฟฟ้าที่เซ็นร่วมกันบนแผ่นป้าย “ปอดใส ไร้ควัน” ฟิล์มเอกซเรย์ตรวจสุขภาพปอดที่ยืนยันว่าไม่มีความผิดปกติของปอด และผลวิจัยทางวิทยาศาสตร์ล่าสุดยื่นให้กับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานอื่นๆ เพื่อขอให้ยกเลิกแบนบุหรี่ไฟฟ้า
“หากเรายังย่ำอยู่กับที่แบบนี้ รณรงค์ให้ความรู้กันแบบผิดๆ โดยไม่เปิดใจยอมรับแนวทางใหม่ วันงดสูบบุหรี่โลกก็คงเป็นแค่การโปรโมทประจำปีที่สิ้นเปลืองงบประมาณของรัฐโดยไม่ได้เกิดผลอย่างแท้จริง พวกเราอยากลดอันตรายจากควันบุหรี่ให้ตัวเอง และอยากให้ครอบครัวและลูกหลานของเราไม่ต้องมารับควันมือสอง เราจึงเปลี่ยนมาใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพราะรู้ว่าไม่มีการเผาไหม้ ไม่มีควัน หากกระทรวงสาธารณสุขยังแบนบุหรี่ไฟฟ้าต่อไป ก็จะมีคนไทยต้องเสียชีวิตจากโรคที่มาจากควันบุหรี่อีกปีละ 7 หมื่นคน ซึ่งมากกว่าอุบัติเหตุช่วงสงกรานต์-ปีใหม่เสียอีก แล้วใครจะเป็นผู้รับผิดชอบต่อการเสียชีวิตเหล่านี้ ”