ลุงตู่ช่วยด้วย!!วัชระนำผู้ค้าศูนย์อาหารก.ยุติธรรมร้องเรียนบ.ทาร์บอน หลังถูกหลอกให้เช่าพื้นที่ราคาแพงแต่ไม่มีลูกค้าทำขาดทุนยับ
(2 ส.ค.65)เมิ่อเวลา 11.00 น.ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ นำผู้ค้า
ซึ่งเป็นผู้เช่าพื้นที่เพื่อจำหน่ายอาหารของกระทรวงยุติธรรมที่บริษัท ทาร์ปอน แมเนจเม้นท์ จำกัด มีนายชัชวาลย์ ชินะโปดก เป็นเจ้าของและกรรมการผู้บริหาร ร้องเรียนต่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
นายวัชระ กล่าวว่า กรณีนี้มีผู้เช่าทั้งสิ้นจำนวน 21 ล็อค ราคาเช่าเริ่มต้นที่ 8,000 – 20,000 บาทต่อเดือน ค่าสนับสนุนพื้นที่ 40,000 – 240,000 บาทต่อปี ทางบริษัททาร์ปอนฯ ได้โฆษณาลงในสื่อโซเชียลหาผู้เช่าพื้นที่เพื่อจำหน่ายอาหาร โดยอ้างถึงจำนวนผู้มาใช้บริการว่ามีเป็นจำนวนมากถึง 1,500 – 3,000 คนต่อวัน และสามารถจำหน่ายอาหารได้ตั้งแต่เวลา 07.00 น. – 17.00 น. แต่ข้อเท็จจริงมีพนักงานในกระทรวงฯ จำนวน 700 – 1,000 คน มาใช้บริการศูนย์อาหารเพียงแค่วันละ 200 – 300 คนต่อวัน และจำหน่ายอาหารได้แค่ช่วงเวลา 7.00– 8.00 น.กับช่วงเวลา 12.00 – 13.00 น. เท่านั้น การขายอาหารบางประเภททับซ้อนกันด้วย เห็นได้ว่าเป็นการโฆษณาเกินจริง ทำให้ผู้เช่าขาดทุนอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งตัวแทนของบริษัท ทาร์ปอน ยังมีการกระทำในลักษณะข่มขู่ผู้เช่าว่า หากมีการ ร้องเรียนบริษัทไปยังกระทรวงฯ จะทำการยกเลิกสัญญาเช่า ผู้ได้รับความเสียหายมีทั้งที่เป็นผู้เช่าปัจจุบัน ผู้เสียหายที่เกิดจากสัญญาทับซ้อน และผู้เสียหายที่เกิดจากบริษัททาร์ปอนฯ กระทำในลักษณะเดียวกันกับศูนย์อาหารแห่งอื่น นอกจากนี้ยังมีผู้เสียหายที่ไม่กล้าแสดงตัวอีกหลายราย โดยผู้เสียหายทุกคนได้แจ้ง และร้องเรียนผ่านกระทรวงยุติธรรมให้แจ้งไปยังบริษัททาร์ปอนฯเข้ามาแก้ปัญหา แต่กระทรวงฯ ยังไม่ดำเนินการช่วยเหลือผู้ค้าแต่อย่างใด ซึ่งการกระทำของบริษัททาร์ปอนส่อในทางทุจริต ไม่โปร่งใส หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้ชัดเจน และโดยการหลอกลวงนั้นทำให้บริษัททาร์ปอนได้เงินจากผู้ประการร้านค้าที่เช่าพื้นที่จำหน่ายอาหารและยังมีการกระทำผิดซ้ำ ไม่จริงใจแก้ปัญหา จงใจใช้ชื่อเสียงของกระทรวงยุติธรรมสร้างความน่าเชื่อถือให้กับบริษัทตน เพื่อล่อหลอกให้ผู้พบเห็นโฆษณาเกิดความต้องการร่วมลงทุนด้วย และเนื่องจากเป็นสถานที่ราชการที่มีความน่าเชื่อถือเป็นอย่างยิ่ง ประชาชนจึงหลงเชื่อเข้ามาร่วมลงทุนด้วย จากการสืบหาข้อเท็จจริงของผู้เสียหายพบว่าคุณสมบัติของบริษัท ทาร์ปอนฯ ไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้ได้รับสัมปทาน เพราะบริหารงานไม่ชัดเจนในหลายด้าน มีข้อสงสัยหลายประการ จากการดำเนินงานต่าง ๆ ทั้งในอดีต ปัจจุบัน ความจริงใจในการประกอบธุรกิจ เป็นไปตามหลักธรรมมาภิบาลหรือไม่ ตรงตามวัตถุประสงค์ของการคัดเลือกจากกระทรวงหรือไม่ อย่างไร
จึงขอให้นายกรัฐมนตรี ช่วยขจัดความทุกข์ร้อนให้ผู้ประกอบการร้านค้า ผู้เสียหายต่าง ๆ ที่ได้รับความทุกข์ทรมานเป็นอย่างยิ่ง จากการสูญเสียค่าใช้จ่ายในการติดตามทวงถามหนี้สิน แบกรับภาระค่าเช่า ต้นทุนวัตถุดิบ ต้นทุนค่าแรง เสียโอกาสในการทำมาหากิน ทำให้มีภาระค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นมากมาย อันเนื่องมาจากการกระทำของ บริษัททาร์ปอน แมเนจเม้นท์ จำกัด และขอให้นายกรัฐมนตรี เร่งรัดให้กระทรวงยุติธรรมเข้ามาบรรเทาทุกข์ของประชาชน เยียวยาผู้เสียหายโดยเร่งด่วน ทั้งนี้ผู้ที่ได้รับความเสียหาย ไม่มีทุนจัดหาทนาย จึงขอให้กระทรวงยุติธรรมจัดหาทนายเพื่อดำเนินคดีอาญาแก่บริษัททาร์ปอน แมเนจเม้นท์ จำกัด เพื่อทวงสิทธ์อันชอบด้วยกฎหมายแก่ผู้ร้องต่อไป