พี่ชาย “สาว อตร.” เผยโดนเชิด1.2ล. เอือมนิสัยชอบโกหกตัดขาดพี่น้อง ปล่อยทุกอย่างให้กฏหมายลงโทษ

พี่ชายคนโต “สาว อตร.” น.ส.วาสนา (หนอกกระโทก) ปณิชยพงศ์ หรือ “วาส ขายไข่” เผยพฤติกรรมสุดแสบน้องสาวทิ้งหนี้ให้เคลีย์คนเดียว 1.2 ล้านบาท ทั้งรถกระบะ และ ที่ดินจากมรดกพ่อแม่ จนพี่น้องทั้งหมดเอือมระอาตัดหางปล่อยวัด หลังเป็นคนโกหกสร้างภาพเก่ง ระบุปล่อยทุกอย่างให้ลงโทษตามกฏหมาย เหตุสร้างปัญหาให้มาตลอด

สืบเนื่องจากกรณี นายอภิชาติ ระวีวัฒน์ หรือ “ต้นสัก” อดีตผู้สื่อข่าวสายกีฬา นสพ.คมชัดลึก ในเครือ บริษัท เนชั่นมัลติมีเดียกรุ๊ป จำจัด (มหาชน) ได้เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ต.จุฑาพงศ์ ชาญดิลกโชติ สารวัตรสอบสอน สน.วังทองหลาง เพื่อดำเนินคดีเอาผิดกับ น.ส.วาสนา (หนอกกระโทก) ปณิชยพงศ์ หรือ “วาส ขายไข่” วัย 48 ปี บ้านเลขที่ 131 หมู่ 3 ต.คลองหาด อ.คลองหาด จ.สระแก้ว ในฐานความผิดฉ้อโกงด้วยการหลอกยืมเงิน และพรรคพวกเพื่อนฝูงที่เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันไปกว่า 1 แสนบาท นอกจากนี้ยังมีคนใกล้ชิดและบุคคลรอบข้างที่ถูก “สาวอันตราย” รายนี้เข้าไปตีสนิท ก่อนจะสร้างเรื่องราวขอยืมเงินรวมกันไปแล้วหลายล้านบาท เวลานี้ยังหนีลอยนวลอยู่ไม่ถูกดำเนินคดีทางกฏหมาย ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดพี่ชายคนโตของ น.ส.วาสนา ซึ่งมีอาชีพรับราชการครูโรงเรียนรัฐบาลแห่งหนึ่งใน อ.วังน้ำเย็น ที่ไม่ขอเปิดเผยชื่อจริง ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า ไม่นึกเลยว่า น้องสาวของตัวเองจะมีพฤติกรรมเช่นนี้ มันเสื่อมเสียถึงครอบครัวตัวเองมาก โดยเฉพาะการโกหกหลอกลวงยืมเงินคนอื่นที่เขาลำบากอยู่ ด้วยวิถีการต่างๆนาๆในการสร้างภาพ และเรื่องราวขึ้นมาให้ตัวเองดูดี หรือ ออดอ้อนให้ดูว่า น่าสงสาร ที่ผ่านมาได้ให้ความช่วยเหลือเขามาตลอดตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือ เพราะถือว่า เป็นผู้หญิงคนเดียวของครอบครัว แต่ปัญหามันเกิดขึ้นบ่อยผิดพลาดซ้ำซาก จนเวลานี้พี่น้องผู้ชายทั้ง 3 คนที่เหลืออยู่เอือมระอาไปหมด เพราะมีแต่คนมาทวงหนี้ที่ทั้งคู่ทำไว้ก่อนหน้านี้ และตัวเองก็ไม่รู้ว่า น.ส.วาสนา กับสามีชื่อ “พล” นั้นหนีหายไปอยู่กันที่ไหนแล้ว และเราได้ตัดขาดความสัมพันธ์ความเป็นพี่เป็นน้องกันไปแล้วด้วย จึงไม่อยากเข้าไปข้องเกี่ยวอะไร เพราะเขาสร้างปัญหาเอาไว้มาก ตัวเองเป็นข้าราชการก็อายชาวบ้านเขาเหมือนกัน

โดยเฉพาะหนี้สินที่เขาก่อให้กับตัวเองต้องมารับผิดชอบแทนนั้น มันมีมูลค่ามากกว่า 1,200,000 บาท ไล่ตั้งแต่เงินยืมส่วนตัว, รถกระบะ และ ที่ดินอีกหลายสิบไร่ ซึ่งเป็นมรดกของพ่อแม่ได้มอบเอาไว้ให้ก่อนเสียชีวิต แต่น้องสาวก็เอาที่ดินไปกู้เงินมาใช้ส่วนตัว นี่ยังไม่รวมถึงญาติผู้ใหญ่ที่รู้จักและคนที่สนิทกับเขาอีก ถ้าเอ่ยชื่อมายาวเป็นหางว่าว แต่ละคนน่าจะโดนยืมเงินกันไปเป็นหลักแสนบาท ส่วนตัวไม่รู้เลยจริงๆว่า น.ส.วาสนา และสามี เอาเงินไปใช้อะไรกันบ้าง หรือ ติดเล่นการพนันหรือไม่ เพราะทั้งคู่ก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว น่าจะดูแลตัวเองได้ เพราะช่วงที่เรียนจบมาใหม่ๆก็เคยมีปัญหาเข้าบ่อนเล่นการพนันจนในกัมพูชาจนเป็นหนี้สินหายตัวไปพักหนึ่ง พอเคลียร์ทุกอย่างให้จบเขาสองคนก็กลับมาใหม่ ตัวเองก็นึกว่า เขาน่าจะกลับตัวกลับใจแล้ว แต่ถ้ายังเป็นเช่นเดิมอีกก็ต้องปล่อยให้ดำเนินคดีทางกฏหมายและสมควรได้รับโทษที่ได้ก่อเอาไว้

ต่อคำถามที่ว่า น.ส.วาสนา ได้ติดต่อกลับมาอีกหรือไม่ ข้าราชการครูรายนี้ซึ่งเป็นโค้ชกีฬาดังชนิดหนึ่งและปั้นนักกีฬามีชื่อเสียงโด่งดังติดทีมชาติมาแล้วหลายคน กล่าวอีกว่า เมื่อปีที่แล้วเขาเคยกลับมาเคลียร์เรื่องที่ดิน และสวนลำใย ซึ่งเอาไปกู้เงินจาก ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ หรือ ธ.ก.ส.ไว้จำนวนหลายแสนบาท แถมยังเอาที่ดินนี้ไปให้คนอื่นเช่าเพื่อเป็นทุนพาตัวเองหลบหนี หลังจากเกิดเรื่องใหญ่เกี่ยวกับหนี้สินขึ้นมา ดังนั้นเวลานี้ไม่ว่า เจ้าหนี้คนไหนจะมาตามหา น.ส.วาสนา ตัวเองไม่รู้เรื่องเลย แถมยังติดต่อไม่ได้ด้วย ส่วนตัวอยากให้น้องสาวเข้ามามอบตัวกับตำรวจเพื่อพิสูจน์ความจริงว่า มันเกิดอะไรขึ้น ดีกว่าหนีหัวซุกหัวซุนไปเรื่อยๆไม่มีความสุขอะไรหรอก เพราะเจ้าหนี้หลายคนเขาโกรธแค้นและตามเอาเรื่องอยู่ตลอด บางคนถึงกับทะลาะกันภายในครอบครัวเพราะเรื่องนี้ เพียงแต่ว่า วันไหนเขาดวงตก หรือ มีคนเห็นแจ้งเบาะแสจนโดนจับดำเนินคดีเท่านั้นเอง อยากให้ออกมารับความจริงที่ก่อเอาไว้

หมายเหตุ – สำหรับท่านใดเคยถูกผู้หญิงคนนี้หลอกลวงยืมเงิน ขอให้เข้าไปแจ้งความเอาผิดกันเยอะๆจะได้ตามตัวมาลงโทษทางกฏหมาย หรือ ผู้ใดพบเห็นผู้หญิงคนดังกล่าวนี้ สามารถแจ้งมาได้ที่เบอร์โทร 081-695-1525 ชื่อนายอภิชาติ จะมีสินน้ำใจให้ เพื่อนำไปสู่การจับกุมต่อไป

…………………………..

You may have missed