“หมู่บ้านวิสาหกิจชุมชน” รวมพลังปล่อยปลา เสริมบุญสร้างบารมี ให้คนไทยทั้งชาติรู้รักสามัคคี ปรองดองกัน “รวมไทยสร้างชาติ “

“หมู่บ้านวิสาหกิจชุมชน” รวมพลังปล่อยปลา เสริมบุญสร้างบารมี ให้คนไทยทั้งชาติรู้รักสามัคคี ปรองดองกัน “รวมไทยสร้างชาติ ”

 

วันที่ 25 กันยายน 2563 ณ เครือข่ายหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชนท้องถิ่นเรารักประเทศไทย ชุมชนพรสวรรค์ ทต.หนองบัว อ.เมือง จ.อุดรธานี นายอานนท์ แสนน่าน ประธานเครือข่ายหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชนท้องถิ่นเรารักประเทศไทย พร้อมด้วย พ.ท.พิสิษฐ์ ชาญเจริญ ประธานที่ปรึกษาเครือข่ายหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชนท้องถิ่นเรารักประเทศไทย นางธนภัทร พันธวาส ประธานเครือข่ายกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแห่งประเทศไทย นางนิตยา นาโล รองประธานเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนท้องถิ่นไทยภาคอีสาน ประธานเครือข่ายต่างๆ และประธานวิสาหกิจชุมชน ร่วมปล่อยปลาเพื่อสร้างกุศลผลบุญให้กับเจ้ากรรมนายเวร ภายในคลองสวนพระพิฆเนศ และสระน้ำศาลาเจ้าปู่ศรีสุทโธ ภายในบริเวณเครือข่ายหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชนฯ

สำหรับวันนี้ “เครือข่ายหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชนท้องถิ่นเรารักประเทศไทย” ต้องการรวมพลังปล่อยปลาเพื่อเป็นการทำบุญ เสริมบุญสร้างบารมี และอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวร เพื่อส่งผลบุญให้ประเทศไทยเดินต่อได้ เกิดความรักสามัคคีรวมใจสร้างชาติ ด้วยอานุภาพและอานิสงส์ของการทําบุญปล่อยปลา เพราะว่า”อานิสงส์การปล่อยปลา นั้นได้เขียนเอาไว้ในคัมภีร์ว่า “…เมื่อพระพุทธเจ้ายังทรงดำรงพระชนม์ชีพอยู่ พระสารีบุตรซึ่งเป็นอัครสาวกเบื้องขวาของพระพุทธเจ้า ท่านมีศิษย์เป็นสามเณรอยู่รูปหนึ่ง ด้วยชะตาชีวิตจะต้องมรณภาพในอีก 7 วันข้างหน้าจะเป็นที่น่าเวทนานัก

หากสามเณรมิได้ร่ำลาบิดามารดาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนมรณภาพ พระสารีบุตรได้พิจารณาเห็นความเป็นจริงจะต้องเป็นไปตามนั้น จึงได้บอกให้สามเณรรูปนั้นเดินทางกลับบ้าน เพื่อที่จะได้อยู่กับบิดามารดา และจะได้โปรดและร่ำลาบิดามารดาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนมรณภาพ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเลย 7 วันแล้ว สามเณรรูปนั้นได้เดินทางกลับมาที่วัดตามเดิม เพื่อที่จะจำพรรษาที่วัดต่อไป หลังจากเสร็จกิจการเยี่ยมบิดามารดาแล้ว พระสารีบุตรและพระสงฆ์ทั้งหลายกลับประหลาดใจ ที่สามเณรยังคงมีชีวิตแข็งแรงดีอยู่ พระสารีบุตรจึงได้ถามสามเณรว่า ขณะเดินทางกลับไปเยี่ยมบิดามารดานั้น ได้ปฏิบัติกิจอันใดบ้าง

สามเณร จึงเล่าว่า ขณะเดินทางกลับบ้านนั้น ระหว่างทาง ตนได้เห็นปลาเล็กปลาน้อย จำนวนหนึ่งรวมกันอยู่ในเลนในหนองน้ำข้างทางที่กำลังจะแห้ง หากปล่อยทิ้งไว้ก็จะแห้งตายหมด ตนจึงจับเอาปลาขึ้นมารวบรวมใส่จีวร แล้วเอาไปปล่อยในแม่น้ำที่อยู่ใกล้ๆ เสร็จเรียบร้อยแล้วจึงเดินทางต่อเพื่อกลับบ้าน

พระสารีบุตรจึงพิจารณาเห็นได้ว่า ปลาเหล่านั้น คืออดีตเจ้ากรรมนายเวรของสามเณรผู้นั้น และเมื่อสามเณรได้ช่วยเหลือนำปลาไปปล่อยลงแม่น้ำ เท่ากับได้ทำบุญกุศล ต่ออายุให้ปลาเหล่านั้น เจ้ากรรมนายเวรจึงได้อโหสิกรรมให้กับสามเณรเป็นการตอบแทน พระสารีบุตรจึงกล่าวว่า การให้ชีวิตกับผู้อื่น เป็นการสร้างกุศลที่ต่อชีวิตให้เราได้ยืนยาวต่อไป ผู้คนทั่วไปเมื่อได้ทราบเรื่องราวจึงได้ปฏิบัติจนเป็นประเพณีสืบมาถึงกาลปัจจุบัน แต่ในปัจจุบัน มิได้ปล่อยแต่ปลาเพียงอย่างเดียว มีการปล่อยนก ปล่อยหอย และสัตว์อื่นๆ อีก ก็นับว่าได้บุญกุศลเช่นกัน

 

You may have missed