รมว. เกษตรฯ เร่งสถานการณ์ภัยแล้งที่สุรินทร์

รัฐมนตรีเกษตรฯ เร่งแก้ปัญหาสถานการณ์ภัยแล้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะที่จังหวัดสุรินทร์ซึ่งปีนี้อ่างเก็บน้ำที่เก็บน้ำต้นทุนสำหรับผลิตน้ำประปาของอำเภอเมืองแห้งขอด ด้านกรมชลประทานแก้ปัญหาโดยการขุดร่องชักน้ำมาเติม ส่วนกรมฝนหลวงฯ ปฎิบัติการทำฝนต่อเนื่องเพื่อเติมน้ำในอ่าง

นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์นำคณะผู้บริหารของกระทรวงเกษตรฯ ไปยังอ่างเก็บน้ำลำพอก อำเภอศรีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์เพื่อติดตามสถานการณ์ภัยแล้งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและเร่งแก้ปัญหา โดยกล่าวว่า ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แก่ กรมชลประทาน กรมฝนหลวงและการบินเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร กรมวิชาการเกษตร และกรมการข้าวบูรณาการช่วยเหลือเกษตรกรและประชาชน ทั้งนี้เรื่องที่จำเป็นเร่งด่วนที่สุดคือ การจัดหาแหล่งน้ำเสริมให้แก่อ่างเก็บน้ำหลายแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มีน้ำไหลลงอ่างฯ น้อย เนื่องจากฝนตกต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 29% ซึ่งกรมชลประทานรายงานว่า แผนบริหารจัดการน้ำฤดูฝนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือนั้น ปริมาตรน้ำเก็บกัก 1 พฤษภาคมถึง 30 กรกฎาคม 62 มีทั้งสิ้น 2,565 ล้านลบ.ม. เป็นปริมาณน้ำใช้การได้ 1,394 ล้านลบ.ม. ความต้องการใช้น้ำตลอดฤดูฝนปี 62 รวม 4,106 ล้านลบ.ม. เป็นน้ำชลประทาน 2,258 ล้านลบ.ม. และน้ำฝน 1,848 ล้านลบ.ม. จัดสรรไปแล้ว 914 22 คงเหลือปริมาตรน้ำที่ต้องจัดสรรจากแผน 3,192 ล้านลบ.ม. คิดเป็น 78% เป็นน้ำชลประทาน 1,436 ล้านลบ.ม. และน้ำฝน 1,756 ล้านลบ.ม. สำหรับแผนเพาะปลูกข้าวฤดูฝนกำหนดไว้ 142,000 ไร่ เพาะปลูกไปแล้ว 141,000 ไร่ คิดเป็น 99.42% ซึ่งการบริหารจัดการตามแผนที่วางไว้คือ การปลูกพืชให้ใช้น้ำฝนเป็นหลัก ใช้น้ำชลประทานเสริมเพื่อให้น้ำต้นทุนในอ่างเก็บน้ำมีเพียงพอใช้ตลอดฤดูฝนและเก็บกักไว้ใช้ในฤดูแล้งที่จะมาถึง โดยพื้นที่เฝ้าระวังภัยแล้งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 8 จังหวัดได้แก่ นครราชสีมา ขอนแก่น ร้อยเอ็ด บุรีรัมย์ กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ มหาสารคาม และสุรินทร์

ทางด้านทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทานกล่าวว่า สำหรับสถานการณ์น้ำในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปัจจุบัน(30 ก.ค.62)อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 12 แห่ง มีปริมาตรน้ำเก็บกัก 2,565 ล้าน ลบ.ม. อ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 218 แห่ง มีปริมาตรน้ำเก็บกัก 549 ล้าน ลบ.ม. และอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก 246 แห่ง มีปริมาตรน้ำเก็บกัก 44 ล้าน ลบ.ม. มีปริมาณน้ำใช้การได้รวมกัน 1,394 ล้าน ลบ.ม

สำหรับจังหวัดสุรินทร์ (ข้อมูลวันที่ 30 ก.ค.62) มีปริมาณน้ำเก็บกักจากอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 26 แห่ง และอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก 346 แห่งรวมกัน 66 ล้าน ลบ.ม. เป็นน้ำใช้การได้ 25 ล้าน ลบ.ม. อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 2 แห่ง มีปริมาณน้ำรวมกัน 1.067 ล้าน ลบ.ม. ได้แก่ อ่างเก็บน้ำห้วยเสนง ปัจจุบันมีปริมาณน้ำ 0.806 ล้าย ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 4 ของความจุอ่าง และอ่างเก็บน้ำห้วยอำปึล ปัจจุบันมีปริมาตรน้ำ 0.261 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 0.94 ซึ่งสาเหตุการเกิดภัยแล้งสืบเนื่องจากมีปริมาณฝนน้อยในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ตั้งแต่ปี 2561 ที่ผ่านมา ซึ่งมีปริมาณฝนตกเพียง 900 มม. ส่งผลให้ปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำ 17 แห่ง มีเพียง 131 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 22 ของค่าเฉลี่ย จนถึงปัจจุบันมีปริมาณฝนสะสม 399 มม. มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯเพียง 13 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 2 ของค่าเฉลี่ย ทั้งนี้ กรมชลประทาน ได้เร่งดำเนินการช่วยเหลือ โดยทำการผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำอำปึล ปริมาณ 0.50 ล้าน ลบ.ม. พร้อมขุดร่องชักน้ำอ่างเก็บน้ำห้วยเสนงเข้าสู่จุดสูบน้ำการประปาและสูบน้ำจากอ่างเก็บน้ำราชมงคลลงห้วยเสนง ปริมาณ 0.25 ล้าน ลบ.ม. รวมทั้งผันน้ำจากบ่อหิน ปริมาณ 20 ล้าน ลบ.ม. รวมปริมาณน้ำช่วยเหลือได้ 21 ล้าน ลบ.ม. ทั้ง 2 อ่างเป็นอ่างเก็บน้ำสำหรับผลิตน้ำประปาเลี้ยงอำเภอเมืองสุรินทร์ นอกจากนี้ยังประสานกรมทรัพยากรน้ำบาดลเพื่อเจาะน้ำบาดาลเติมน้ำสู่อ่างฯ รวมถึงจะขุดลอกแก้มลิงเกาะแก้วและป่าเวย อำเภอสำโรงทาบเพิ่มปริมาณน้ำเก็บกักของจังหวัดสุรินทร์อีกทางหนึ่งด้วย แม้ว่าบางพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะมีปริมาณฝนเพิ่มแล้วก็ตาม แต่ขอให้ประชาชนใช้น้ำอย่างประหยัด และขอความร่วมมือเกษตรงดทำการเพาะปลูกต่อเนื่อง หรือทำการเพาะปลูกตามปริมาณฝนที่ตกในพื้นที่ เพื่อลดความเสี่ยงในการสูญเสียผลผลิตทางการเกษตร สำหรับพื้นที่ที่เพาะปลูกแล้ว ขอให้เกษตรในพื้นที่ใช้น้ำตามรอบเวรตัวเองอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ผู้ใช้น้ำร่วมกันได้มีน้ำใช้อย่างทั่วถึง

ส่วนนายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตรกล่าว พื้นที่เกษตรส่วนใหญ่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นพื้นที่เกษตรน้ำฝนรอรับน้ำฝน ที่ผ่านมาการทำฝนมีอุปสรรคเพราะมีปัญหาลมแรง ความชื้นอากาศไม่เอื้ออำนวยต่อปฏิบัติการฝนหลวง ทั้งนี้ได้บินปฏบัติการทำฝนให้ตกลงสู่อ่างฯ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือไปแล้ว 19 เขื่อน จากจำนวนอ่างทั้งขนาดใหญ๋และขนาดกลางที่มีน้ำน้อยกว่า 30% ของความจุเก็บกัก 100 กว่าแห่ง แต่จากอิทธิพลของพายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนซึ่งจะส่งผลให้วันที่ 1 – 2 สิงหาคมนี้จะมีฝนเพิ่มมากขึ้นและฝนตกหนักบางแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือนั้น คาดว่า ความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศจะสูงขึ้นและดัชนีค่าการยกตัวของเมฆดีขึ้น มีโอกาสให้การบินปฏิบัติการทำให้ฝนตกลงในพื้นที่ตะวันออกเฉียงเหนือได้ผลดีขึ้นตามไปด้วยเพื่อให้มีปริมาณน้ำสำรองไว้ใช้อย่างเพียงพอจนถึงฤดูแล้งหน้า กรมฝนหลวงฯ จะเร่งปฏิบัติการฝนหลวงตามที่กรมชลประทานขอรับการสนับสนุนมา สำหรับในจังหวัดสุรินทร์จะทำฝนเพื่อเติมน้ำในอ่างห้วยเสนองและอ่างอำปึลเพื่อให้มีน้ำเพียงพอสำหรับการอุปโภค-บริโภค

ในวันนี้รัฐมนตรีเกษตรฯ ได้ปล่อยขบวนคราวานรถบรรทุกน้ำขนาด 6,000 ลิตร 17 คัน รถบรรทุกน้ำขนาด 12,000 ลิตร อีก 3 คัน พร้อมรถขุดจำนวน 1 คัน เครื่องสูบน้ำอีกจำนวน 13 เครื่องเพื่อใช้ในการช่วยเหลือประชาชนที่ขาดแคลนน้ำ

You may have missed